แรงงาน แห่ร้องทุกข์ หลังถูกหลอกพาไปทำงานที่อิสราเอล เสียเงินคนละ 7.5 หมื่น-2.5 แสน บาท ก่อนปิดบริษัทหนี เผย ใช้วิธีส่งไปรณียบัตรชักชวนไปที่บ้าน หวั่นมีเหยื่อถูกหลอกอีกจำนวนมาก
นายสราวุธ คำนวณพิทักษ์ ชาว จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเพื่อนคนงานรวม 4 คน เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน กระทรวงแรงงาน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพ เปิดบริษัทจัดหางานเถื่อน ลวงว่า จะพาไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เก็บค่าใช้จ่ายคนละ 7.5 หมื่น-2 .5 แสนบาท พร้อมนัดวันขึ้นเครื่องบิน แต่สุดท้ายกลับปิดบริษัทหอบเงินหนี และระบุว่า มีเหยื่อถูกหลอกพร้อมกัน 35 คน
นายสราวุธ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ มีไปรษณียบัตร ของบริษัท ไทยโอเอ เอ็นเตอร์ไพรส์ ตั้งอยู่ที่68/808 หมู่บ้านไพลินปารค์ ซ.รัตนธิเบศร์ 28 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี มี นายเอกพล รัตนดำรงค์ อายุ 36 ปี เป็นเจ้าของ มาถึงบ้านพักตนที่ จ.ขอนแก่น พร้อมระบุว่า มีตำแหน่งงานในอิสราเอล เสียค่าใช้จ่ายคนละ 2.5 หมื่นบาท โดยไม่เสียค่านายหน้า ตนสนใจเดินทางมาติดต่อ และพบว่า ที่บริษัทมีคนงานสนใจมาติดต่อจำนวนมาก ที่สำคัญ ยังมีการนำชาวต่างชาติ 2 คน ซึ่งอ้างว่า เป็นนายจ้างมาสัมภาษณ์งานด้วยตนเอง ทำให้หลงเชื่อ นำที่ดินไปจำนองกับธนาคารเป็นเงิน 1 แสนบาท เพื่อเสียค่าใช้จ่ายให้บริษัทรวม 7.5 หมื่นบาท โดยมีเพื่อนคนงานรวม 35 คน ถูกนัดให้มาขึ้นเครื่องบินเดินทางพร้อมกัน เมื่อวันที่ 5 ก.ค.และ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ก่อนถึงกำหนดนัด วันที่ 4 ก.ค.ตนและเพื่อนคนงานไม่สามารถติดต่อตัวแทนบริษัทได้ จึงตามไปที่บริษัท และพบว่า มีการปิดบริษัทหนีไปแล้ว จึงไปร้องเรียนที่จัดหางานจังหวัดนนทบุรี และแจ้งความที่ สภ.ลาดโตนด จ.นนทบุรี แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดตำรวจเพียงออกหมายเรียกเสมียนบริษัทฯมาสอบสวนเพียง 2 ครั้ง ทั้งนี้ ตนกลัวว่าจะมีเพื่อนคนงานหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อเหมือนตนจำนวนมาก เพราะขณะไปสมัครงานที่บริษัทฯ พบไปรณียบัตรลักษณะเดียวกับที่ตนเคยได้รับรอการส่งอีกนับหมื่นใบ
ทั้งนี้ หลังการร้องเรียนที่กองตรวจฯ เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานได้ตรวจสอบ จนพบว่า นายเอกพล รัตนดำรงค์ ชื่อเดิมคือ นายอเนก เงินสุวรรณ อายุ 36 ปี เคยถูกพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานยังต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเคยมีหมายจับจากการก่อคดีในลักษณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่ เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ กระบี่ ชลบุรี และ กรุงเทพฯ รวมเกือบ 10 คดี
นายสราวุธ คำนวณพิทักษ์ ชาว จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเพื่อนคนงานรวม 4 คน เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน กระทรวงแรงงาน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพ เปิดบริษัทจัดหางานเถื่อน ลวงว่า จะพาไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เก็บค่าใช้จ่ายคนละ 7.5 หมื่น-2 .5 แสนบาท พร้อมนัดวันขึ้นเครื่องบิน แต่สุดท้ายกลับปิดบริษัทหอบเงินหนี และระบุว่า มีเหยื่อถูกหลอกพร้อมกัน 35 คน
นายสราวุธ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ มีไปรษณียบัตร ของบริษัท ไทยโอเอ เอ็นเตอร์ไพรส์ ตั้งอยู่ที่68/808 หมู่บ้านไพลินปารค์ ซ.รัตนธิเบศร์ 28 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี มี นายเอกพล รัตนดำรงค์ อายุ 36 ปี เป็นเจ้าของ มาถึงบ้านพักตนที่ จ.ขอนแก่น พร้อมระบุว่า มีตำแหน่งงานในอิสราเอล เสียค่าใช้จ่ายคนละ 2.5 หมื่นบาท โดยไม่เสียค่านายหน้า ตนสนใจเดินทางมาติดต่อ และพบว่า ที่บริษัทมีคนงานสนใจมาติดต่อจำนวนมาก ที่สำคัญ ยังมีการนำชาวต่างชาติ 2 คน ซึ่งอ้างว่า เป็นนายจ้างมาสัมภาษณ์งานด้วยตนเอง ทำให้หลงเชื่อ นำที่ดินไปจำนองกับธนาคารเป็นเงิน 1 แสนบาท เพื่อเสียค่าใช้จ่ายให้บริษัทรวม 7.5 หมื่นบาท โดยมีเพื่อนคนงานรวม 35 คน ถูกนัดให้มาขึ้นเครื่องบินเดินทางพร้อมกัน เมื่อวันที่ 5 ก.ค.และ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ก่อนถึงกำหนดนัด วันที่ 4 ก.ค.ตนและเพื่อนคนงานไม่สามารถติดต่อตัวแทนบริษัทได้ จึงตามไปที่บริษัท และพบว่า มีการปิดบริษัทหนีไปแล้ว จึงไปร้องเรียนที่จัดหางานจังหวัดนนทบุรี และแจ้งความที่ สภ.ลาดโตนด จ.นนทบุรี แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดตำรวจเพียงออกหมายเรียกเสมียนบริษัทฯมาสอบสวนเพียง 2 ครั้ง ทั้งนี้ ตนกลัวว่าจะมีเพื่อนคนงานหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อเหมือนตนจำนวนมาก เพราะขณะไปสมัครงานที่บริษัทฯ พบไปรณียบัตรลักษณะเดียวกับที่ตนเคยได้รับรอการส่งอีกนับหมื่นใบ
ทั้งนี้ หลังการร้องเรียนที่กองตรวจฯ เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานได้ตรวจสอบ จนพบว่า นายเอกพล รัตนดำรงค์ ชื่อเดิมคือ นายอเนก เงินสุวรรณ อายุ 36 ปี เคยถูกพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานยังต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเคยมีหมายจับจากการก่อคดีในลักษณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่ เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ กระบี่ ชลบุรี และ กรุงเทพฯ รวมเกือบ 10 คดี