วธ.MOU กระทรวงเกษตรและภาคเอกชน ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องผ้าไทย เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งในด้านการรณรงค์ส่งเสริม อนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญา และการศึกษาวิจัย
นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอให้เชิญชวนรัฐมนตรี ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใส่เสื้อกระดุม 5 เม็ด หรือชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมหรือผ้าไทย เพื่อใช้ในโอกาสต่างๆ และเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้มีการใช้ผ้าไหมหรือผ้าไทยในชีวิตประจำวัน ซึ่งวธ.ได้รับมอบหมายให้พิจารณารูปแบบเสื้อผ้าไทยที่เหมาะสม ดังนั้น วธ.จึงร่วมกับ กษ.และ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่องผ้าไทย เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งในด้านการรณรงค์ส่งเสริม อนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญา และการศึกษาวิจัย โดยความร่วมมือดังกล่าว วธ.กำลังดำเนินการปรับปรุงข้อมูลผู้ประกอบการผ้าไทยทั้ง 77 จังหวัดให้เป็นปัจจุบัน โดยจะจัดพิมพ์เป็นหนังสือนามสงเคราะห์เกี่ยวกับผู้ประกอบการผ้าไทยทั้งฉบับ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อแจกจ่ายให้หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อเป็นข้อมูลให้ในการเลือกซื้อผ้าไทยหรือผ้าไหมตามความเหมาะสม ซึ่งพิธีลงนามดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 19 วธ.
ปลัด วธ.กล่าวอีกว่า ส่วนการออกแบบชุดผ้าไทยหรือผ้าไหมสำหรับสุภาพสตรี วธ.ได้เชิญนักออกแบบชุดแต่งกายจากห้องเสื้อชั้นนำมาประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางและรูปแบบของชุดแต่งกายสำหรับสุภาพสตรีให้เหมาะสมตามแต่ละโอกาสการสวมใส่ และได้ขอความร่วมมือจากห้องเสื้อชั้นนำของประเทศ และสถานศึกษาที่มีการเรียนการสอนด้านการออกแบบแฟชั่นดีไซน์ และจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ พิจารณาจัดทำเป็นข้อเสนอแนะ เพื่อเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และสนับสนุนการรณรงค์การแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยสำหรับสุภาพสตรีต่อไป
“อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือบันทึกข้อตกลงดังกล่าวนั้น นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดวิถีชีวิตการผลิตผ้าไทยผสมผสานภูมิปัญญาจากอดีตสู่ปัจจุบันแล้ว ยังส่งผลให้ผู้ประกอบการผ้าไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการจำหน่ายผ้าไทยอีก ทางหนึ่ง อันเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป และผมหวังว่าทุกกิจกรรมและโครงการที่จะดำเนินการตามกรอบความร่วมมือจะบรรลุ ผล และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนทุกภาคส่วนต่อไป” ปลัด วธ.กล่าว
ด้านนางสาวสุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กษ.) กล่าวว่า ในนามของ กษ. พร้อมด้วยกรมหม่อนไหม รู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่งจากการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องผ้าไทยกับ วธ.และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่มีความกระตือรือร้นต่อการรณรงค์เชิญชวนหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อส่งเสริมให้ มีการใช้ผ้าไหมหรือผ้าไทยในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น และมุ่งมั่นให้มีการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมด้านการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับหม่อนไหมรวมทั้งอาชีพการทอผ้าไหมให้เป็นที่มั่นคงและมีความยั่งยืน
“ส่วนพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องผ้าไทยนั้น จะทำให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาทางวิชาการทางด้านการวิจัย การใช้ผ้าไทย เพื่ออนุรักษ์ สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นและองค์ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทย รวมทั้งการปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม อันจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของชาติ เพื่อศึกษา วิจัยร่วมกันในการอนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญาเกี่ยวกับผ้าไทย รวมถึงเกิดประโยชน์ในการเสริมสร้างเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ของประเทศ เพื่อ ร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้และระบบฐานข้อมูล ให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการบูรณาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของ บุคลากรทั้งสามฝ่ายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย” รอง กษ. กล่าว
นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาง อสมท จะเป็นสื่อกลางในการรณรงค์ให้ประชาชนได้สวมใส่ผ้าไทย ทั้งในส่วนของโมเดิร์นไนท์ทีวี โดยจะให้บุคลากร อีกทั้งผู้ประกาศข่าวได้สวมใส่ผ้าไทยทุกวันศุกร์ เพื่อเป็นแบบอย่างอีกด้วย ทั้งนี้ ก็อยากให้สื่อต่างๆ ร่วมมือกันรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทยเพื่ออนุรักษ์ และรักษาวัฒนธรรมไทยสืบไป