สธ.เล็งยกเครื่องความปลอดภัยทางอาหารป้องกันโรคอุจจาระร่วงภายในประเทศ เสนอปิดวอร์รูม โรคอี.โคไล โอ 104 หากสัปดาห์หน้าสถานการณ์ในยุโรปดีขึ้น
วันนี้ (6 ก.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวภายหลังการประชุมวอร์รูมโรคจากเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 ในยุโรป พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ส่วนประเทศไทยยังไม่มีรายงานผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าว จะมีเพียงผู้ป่วยเฝ้าระวัง 2 คน ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์เชื้อแล้ว พบว่า ไม่ใช่ป่วยจากเชื้ออี.โคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 อย่างไรก็ตาม การเฝ้าระวังในคนยังคงมาตรการเดิม ได้แก่ แจกเอกสารคำแนะนำบนเครื่องบินเที่ยวบินที่มาจากยุโรป เฝ้าระวังผู้ป่วยอุจจาระร่วงถ่ายเป็นเลือด หรือมูกเลือดในโรงพยาบาล โดย เฉพาะใน 8 จังหวัดท่องเที่ยว ส่วนมาตรการด้านอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ลดความเข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังผัก ผลไม้ สด และเนื้อสัตว์ ที่นำเข้าจากยุโรป เนื่องจากที่ผ่านมาจากการเฝ้าระวังเข้ม พร้อมสุ่มตรวจไม่พบเชื้ออี.โคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 อีกทั้งข้อมูลจากยุโรป บ่งชี้ว่า เมล็ดพันธุ์ ถั่ว อาจมีการปนเปื้อน จึงได้ประสานงานกับกรมศุลกากร และ กระทรวงเกษตรฯ เพื่อเฝ้าระวังเมล็ดพันธุ์พืชจากยุโรป ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นทราบว่ามีการนำเข้าน้อยมาก
รองอธิบดี กรม คร.กล่าวด้วยว่า ด้านกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการตรวจตัวอย่างที่หลายหน่วยงานส่งมาให้ตรวจหาเชื้ออี.โคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 รวมทั้งสิ้น 260 ตัวอย่าง ไม่พบเชื้อดังกล่าว ส่วนศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยด้านอาหารกระทรวงสาธารณสุข แจ้งให้ทราบว่า ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลกให้ประเทศสมาชิก จัดตั้งคณะกรรมการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอาหารด้านสาธารณสุข ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ปลอดภัยจากสารเคมี ปลอดภัยจากจีเอ็มโอ และปลอดภัยจากจุลินทรีย์ต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีหน่วยงานนอกกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ2555 กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการในเรื่องแหล่งที่มาของอาหารปนเปื้อน และเครือข่ายดำเนินงานเกี่ยวกับการปนเปื้อนของอาหาร
“ที่ประชุมจะถือโอกาสการป้องกันโรคจากเชื้ออี.โคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 ต่อยอดไปเป็น โครงการอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพดี เพื่อลดการปนเปื้อน และป้องกันโรคอุจจาระร่วง ซึ่งคนไทยไม่ค่อยกลัวโรคนี้ และหน่วยงานต่างๆ ไม่ค่อยตนักถึงความสำคัญ ทั้งที่จากการเฝ้าระวังโรคพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงถึงปีละ 1 ล้านรายเศษ เสียชีวิต 45 ราย รวมทั้งประเทศต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละไม่ใช่น้อย และในสัปดาห์หน้า ถ้าสถานการณ์ในยุโรปดีขึ้น จะเสนอปิดวอร์รูมโรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไล ชนิดรุนแรง โอ 104 และจะถ่ายทอดภารกิจและการดำเนินงานของวอร์รูมลงสู่การทำงานในระบบปกติต่อไป” รองอธิบดี กรม คร.กล่าว