“พ่อน้องธันย์” ยืนยัน ยังไม่มีใครหรือหน่วยงานใดของสิงคโปร์ติดต่อขอมอบเงินช่วยเหลือลูกสาวสักรายเดียว ตามที่สื่อไทยและสิงคโปร์รายงานว่ามีหลายกลุ่มต้องการบริจาคช่วยเหลือกว่า 10 ล้านบาท ระบุ มีเฉพาะทางสิงคโปร์ที่ยื่นข้อเสนอให้ 120,000 บาท เพื่อให้เรื่องเงียบ แต่ปฏิเสธไปเท่านั้น ชี้ ไม่ได้ละโมบ แต่ถ้าได้มาจะนำไปเป็นทุนเพื่อใช้จ่ายด้านการเปลี่ยนขาเทียมที่ต้องเปลี่ยนทุก 3-5 ปี เผย “น้องธันย์” แข็งแรงดี กลางเดือนหน้าคาดใส่ขาเทียมเดินได้
วันนี้ (20 มิ.ย.) นายกิตติ์ธเนศ เป็นเอกชนะศักดิ์ บิดาของน้องธันย์ - ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ อายุ 15 ปี นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ร.ร.จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.ตรัง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เดินทางไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ เคมบริดจ์ ที่ประเทศสิงคโปร์ และประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้า MRT ทับขาขาดทั้งสองข้าง ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงผ่านทางโทรศัพท์ จากที่เร็วๆ นี้ ทั้งสื่อไทยและจากสื่อสิงคโปร์อย่างหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ที่ระบุว่า มีการติดต่อขอมอบเงินช่วยเหลือแก่น้องธันย์
โดยสื่อไทยบางฉบับ ระบุว่า ได้มีกลุ่มคนสิงคโปร์บางส่วนที่ไม่เห็นด้วยต่อท่าทีการเพิกเฉยของรัฐบาลสิงคโปร์ต่อการช่วยเหลือน้องธันย์ จึงได้รวบรวมเงินบริจาคก้อนหนึ่ง เพื่อมอบให้แก่ครอบครัว “เป็นเอกชนะศักดิ์” นอกจากนี้ ยังรายงานว่า กาชาดสิงคโปร์ ได้ติดต่อขอมอบเงินช่วยเหลือในวันพฤหัสบดีนี้ ผ่านทางสภากาชาดไทยด้วย และในขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า ยังมีชาวสิงคโปร์ใจบุญรายหนึ่งยังแสดงความประสงค์จะค่ารักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ให้แก่ ด.ญ.ณิชชารีย์ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ไม่ยอมจ่ายให้ด้วย
ในขณะที่วันนี้ (20 มิ.ย.) สื่อสิงคโปร์อย่างหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ รายงานว่า มีชาวสิงคโปร์ระดมเงินบริจาคช่วยเหลือน้องธันย์แล้วราว 400,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 10 ล้านบาท) ด้วย ซึ่ง นายกิตติ์ธเนศ กล่าวว่า ในความเป็นจริงแล้ว เขายังไม่ได้รับการติดต่อจากใครหรือจากหน่วยงานใด ในการขอมอบเงินช่วยเหลือแก่น้องธันย์เลยแม้แต่รายเดียว ไม่ว่าจะเป็นเงินช่วยเหลือจากเอกชน หรือเงินช่วยเหลือที่สื่อต่างๆ บอกว่า มาจากทางกาชาดของสิงคโปร์ ก็ไม่ได้รับการติดต่อเช่นกัน
“มีครั้งเดียวคือ ที่เขาเสนอให้ราวๆ 120,000 บาทไทย เพื่อให้เรื่องจบ เป็นการติดต่อผ่านสถานทูต ซึ่งเราได้ปฏิเสธไป คือ ต้องเรียนให้ทราบว่า ทางครอบครัวไม่ได้ละโมบ แต่ถ้าได้มาก็ดี เพราะจะได้เป็นทุนค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยใช้เพื่อการเปลี่ยนขาเทียม เนื่องจากต้องเปลี่ยนทุก 3-5ปี ด้วยเหตุผลเรื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ครับ และจนถึงตอนนี้ ยืนยันว่ายังไม่ได้รับการติดต่อเรื่องการมอบเงินช่วยเหลือจากที่ใดครับ”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติ์ธเนศ ได้เปิดเผยอาการล่าสุดของน้องธันย์ ว่า ขณะนี้แข็งแรงดี และคาดว่า กลางเดือนหน้า (ก.ค.) จะใส่ขาเทียมและสามารถเดินได้
