ผ่านมา 1 ปีแล้ว หลังจากที่กรุงเทพมหานคร และ นิด้า ได้เปิดตัวหลักสูตร โตไปไม่โกง ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีงามในการต่อต้านการคอร์รัปชั่น ซึ่งผลงานที่ผ่านมา นับว่าบรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยได้ดำเนินการไปแล้วหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการนำหลักสูตรไปสอนนักเรียนระดับอนุบาล-ป.3 ในโรงเรียน 280 แห่ง ในสังกัดกรุงเทพมหานครอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังมีการจัดงานรวมพลัง White Thumb เพื่อสื่อสารกับโรงเรียน ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปให้ทราบเกี่ยวกับหลักสูตร และเร็วๆ นี้ก็เตรียมที่จะใช้หลักสูตรโตไปไม่โกงสอนในโรงเรียนอีก 151 แห่งที่เหลือ และยังเดินหน้าร่างหลักสูตรเพื่อใช้สอนในระดับชั้น ป.4-ป.6 ในเร็วๆ นี้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ในรอบปีที่ผ่านมา หลักสูตรโตไปไม่โกง ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมทั้งโรงเรียนที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดกรุงเทพมหานครก็ได้มีการติดต่อขอหลักสูตรเพื่อนำไปสอนกันเองจำนวนมาก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการปลูกฝังให้เยาวชนมีค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีงามในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในระดับชั้นอนุบาล-ป.3 โดยใช้สอนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งครูและนักเรียนที่ได้เรียนหลักสูตรนี้ รวมทั้งผู้ปกครองต่างก็ชื่นชอบในรูปแบบการเรียนการสอนแนวใหม่ ที่สนุกสนานผ่านนิทาน บทเพลงและกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยไม่เน้นการท่องจำ และที่น่ายินดีอีกประการหนึ่งก็คือ มีหน่วยงานที่เห็นความสำคัญของหลักสูตรนี้ได้ยื่นมือให้การสนับสนุน นั่นคือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งให้การสนับสนุนการอบรมครูพี่เลี้ยงจากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร รวม 600 คน ซึ่งทำให้หลักสูตรนี้มีพลังมากขึ้นและจะทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย ความสำเร็จของหลักสูตรนี้ในแง่ของผลของการเรียนการสอน คงไม่สามารถวัดผลได้ในระยะเวลาสั้นๆ การปลูกฝังเรื่องนี้ต้องใช้เวลา 10-20 ปี และเราก็จะไม่ได้หยุดแค่นี้ ตอนนี้ทางนิด้ากำลังเตรียมหลักสูตรของ ป.4-ป.6 อยู่ และในแผนงบประมาณปี 2555 ก็มีแผนที่จะสอนในระดับ ม.1-ม.6 ด้วย ซึ่งโรงเรียนในมัธยมในสังกัดกรุงเทพมหานครมีจำนวน 102 แห่ง ผมจึงเชื่อมั่นว่าอีก 20 ปีข้างหน้า กรุงเทพมหานครจะเปลี่ยนโฉมหน้า เป็นเมืองที่น่าอยู่ของทุกคน”
รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ประธานศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ความสำเร็จที่ได้รับทำให้ทีมงานมีกำลังใจและเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าส่งเสริมค่านิยมต่อต้านคอร์รัปชั่นให้ขยายวงกว้างขึ้นในกลุ่มนักเรียนที่โตขึ้นในระดับชั้น ป.4-ป.6 และเพื่อให้นักเรียนชั้น ป.3 ที่เคยเรียนในปีที่ผ่านมาได้เรียนต่อเนื่องใน ป.4 ซึ่งหลายๆ คนเรียกร้อง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับความสนใจของเด็กวัยนี้ ส่วนการอบรมครูผู้สอนระดับ ป.4-ป.6 จะจัดขึ้นในวันที่ 23-30 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะมีครูจากโรงเรียน 431 แห่งในสังกัดกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมอบรมกว่า 1,200 คน อย่างไรก็ตาม สำหรับครูที่สอนในโรงเรียนนอกสังกัด รวมทั้งผู้สนใจ ดาวน์โหลดหลักสูตรที่ www.growinggood.org
ครูสุนิศา หิรัญยัษฐิติ จากโรงเรียนประชาบำรุง บอกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจากนักเรียนที่เรียนหลักสูตรโตไปไม่โกง คือ เด็กประหยัดมากขึ้น จากเดิมเมื่อเรียนเสร็จแล้ว จะเห็นเด็กๆ ทิ้งดินสอเกลื่อนห้อง ซึ่งเป็นดินสอแท่งยาวๆ ที่สามารถเก็บไว้ใช้ได้อีกนาน แต่ตอนนี้ เด็กทิ้งดินสอน้อยมาก ขนาดเหลือแท่งนิดเดียว เด็กก็ยังใช้กัน ส่วนกระดาษที่ใช้แล้วก็เอามารีไซเคิล เอาด้านหลังมาทดเลข หรือจดอะไรเล็กๆ น้อยๆ แสดงว่าเด็กๆ เอาสิ่งที่ได้เรียนไป ไปใช้จริงๆ”
ด.ญ.หทัยชนก คำปลิว จากโรงเรียนประชาบำรุง บอกว่า หนูเรียนแล้วชอบมาก ชอบนิทานเรื่องกบกับช้างที่สุดค่ะ เพราะช้างไม่โกง แต่กบโกง เรื่องนี้สอนให้เราไม่โกง เรียนแล้วสนุกและมีความสุขค่ะ”
ครูเพชรลดา สว่างโสดา จากโรงเรียนราชบพิธ บอกว่า หลังจากที่สอนหลักสูตรนี้จะเห็นได้ว่านักเรียนมีคุณธรรมมากขึ้น นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากขึ้น เมื่อก่อนเด็กๆ ไม่ค่อยชอบส่งการบ้าน ต้องคอยเตือน คอยทวงกันทุกวัน แต่ตอนนี้เด็กจะส่งการบ้านเองโดยไม่ต้องเตือน ที่เห็นอีกอย่าง ก็คือ หลังจากทานข้าวเสร็จ เด็กๆ ก็จะไปแปรงฟันกันเองโดยไม่ต้องบอก
ด.ญ.พิรญาณ์ เปี่ยมคลองตัน จากโรงเรียนราชบพิธ บอกว่า หนูชอบนิทานเรื่อง แตงโมกับคุณยายบัวค่ะ เพราะสอนให้ไม่พูดโกหก หนูจะพูดแต่ความจริง เพราะพูดความจริงแล้วจะรู้สึกสบาย เรียนวิชานี้แล้วสนุก ถ้าขึ้นชั้นใหม่ก็อยากเรียนต่ออีกค่ะ
ครูศศิณีย์ ศรีสังข์งาม จากโรงเรียนวัดปทุมวนาราม บอกว่า เด็กที่เรียนหลักสูตรนี้จะได้พัฒนาหลายๆ ด้าน แต่ที่เห็นเด่นๆ คือ เรื่องความซื่อสัตย์ ตอนนี้หากใครทำเงินตก ก็จะมีเด็กเก็บมาคืน ตอนนี้มีเด็กเก็บเงินมาคืนเกือบทุกวัน นอกจากนี้ สังเกตว่าเวลาเด็กๆ จะใช้ของๆ เพื่อน จะขออนุญาตก่อน จะไม่หยิบไปใช้เองตามใจชอบเหมือนแต่ก่อน
ด.ญ.ภคนันท์ ยิ้มเครือ จากโรงเรียนวัดปทุมวนาราม บอกว่า หนูชอบนิทานเรื่องใครหนอชอบเอาเปรียบ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าใครไม่ชอบทำเวร ชอบลอกการบ้านเพื่อนเป็นสิ่งไม่ดี ถ้าเจอเพื่อนแบบนี้ต้องบอกเค้าค่ะ
นอกจากจะมาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ แล้ว น้องๆ กลุ่มนี้ได้ใช้โอกาสนี้ฝากถึงนักการเมืองและผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ด้วย โดย หทัยชนก ฝากไว้ว่า “อยากให้ทุกคนไม่คดโกงและมีความซื่อสัตย์ค่ะ” ส่วน พิรญาณ์ บอกว่า “ไม่อยากเห็นผู้ใหญ่ทะเลาะกันค่ะ” และ ภคนันท์ บอกว่า “อยากให้ผู้ใหญ่ทุกคนรักในความเป็นธรรมค่ะ”