อย.ร่วมตำรวจ ปอท.ทลายเว็บไซต์ขายยากลูตาไธโอน และโกดังเก็บสินค้าย่านลาดพร้าว มูลค่า 8 แสน บาท อันตรายต่อผิวหนัง-หลอดเลือด ยันหากพบตัวผู้รับฉีดไม่ใช่หมอ และเปิดคลินิกเถื่อนมีโทษหนัก ขณะแพทยสภา ยันหากแพทย์เอี่ยวเรื่องนี้ ก็ถือผิดจริยธรรม
วันนี้ (9 มิ.ย.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และ พ.ต.อ.สมพร แดงดี ผู้กำกับการ.3 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงข่าว “ทลายแหล่งจำหน่ายยาฉีดกลูตาไธโอน อาหารเสริม โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านเว็บไซต์ ไวท์แฟรี่สกิน (www.whitefairyskin.com ) ”ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
โดย นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.ได้ตรวจสอบสอบเว็บไซต์ ไวท์แฟรี่สกิน พบว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์สุขภาพและเสริมความงามผิดกฎหมายทางเว็บไซต์ จึงได้ประสานกับ อย.จนทราบว่า มีการขายผลิตภัณฑ์ยา อ้างทำให้ผิวขาว และขายอาหารเสริมที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยระบุหมายเลขโทรศัพท์ให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ โดยมีทั้งบริการการขายผลิตภัณฑ์ และบริการประสานงานสำหรับการจัดหาสถานที่สำหรับฉีดด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า มีเมจเซนเจอร์รับส่งผลิตภัณฑ์ จากเว็บไซต์ดังกล่าวไปส่งต่อให้คลิกนิกอีกด้วย โดยผู้เปิดเว็บไซต์นั้นรับสินค้ามาจากคอนโดย่านลาดพร้าว ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบ ผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายหลายอย่าง ได้แก่ ครีมรกแกะ กลูตาไธโอน คอลลาเจน และวิตามิน โดยผลิตภัณฑ์ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.ยกเว้น วิตามิน
“สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความดันต่ำ หอบหืด ผิวหนังแดง หลอดลมตีบ เป้นต้น โดยส่วนมากนำเข้าจากฝั่งยุโรป ซึ่งกลูตาไธโอนนั้นส่วนใหญ่ใช้รักษาตับเพื่อขจัดสารพิษ แต่คนไทยนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือนำมาฉีดให้ผิวขาว แต่หลักการทำงานจริงๆของกลูตาไธโอน คือ ลดความเข้มข้นของการผลิตเม็ดสีน้ำตาลของผิว จึงทำให้ผิวซีด โดยเฉลี่ยคาคาซื้อตกชุด 4,500 บาท โดยใน 1 ชุด มีตัวยา 6 หลอด และการฉีดแต่ละครั้งอยู่ได้นานครึ่งปี อย่างไรก็ตามขอประชาชนอย่าหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าว” นพ.พิพัฒน์ กล่าว
เลขาธิการ อย.กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินคดีครั้งนี้ มีหลายกรณี 1.กรณีจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอรุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 2.จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำหรับยา กับ อย.ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือไปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.โฆษณาขายโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าหากพบผู้กระทำผิดอื่นๆ ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อมาดำเนินคดีเพิ่มเติมเป็นรายๆ ไป เช่น เปิดคลินิกบริการฉีด หรือกรณีบุคคลที่รับฉีดยาให้ ไม่ใช่แพทย์
พ.ต.อ.สมพร กล่าวว่า จำนวนผลิตภัณฑ์ที่จับกุมได้มีทั้งหมด 60 กล่อง มูลค่ารวม 8 แสนบาท โดยผู้ต้องหาที่เปิดเว็บไซต์ ชื่อ นายธนะโรจน์ อิทธิมงคลวัฒน์ อยู่บ้านเลขที่ 54/174 หมู่ 2 ต.บางตลาด .อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยสั่งสินค้ามาจากย่านลาดพร้าว เจ้าของเป็นนายปรวัฒน์ วงศ์วาณิชยากุล ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า ย่านดังกล่าวมีการเปิดคลินิกที่รับฉีดด้วย แต่ขณะนี้คลินิกปิดบริการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีแค่ในส่วนของผู้ต้องหาซึ่งเปิดเว็บไซต์ และเจ้าของโกดังเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จากนี้จะต้องเร่งขยายผลเพื่อดำเนินการคดีกับสถานที่จำหน่ายและรับฉีดยา รวมทั้งสืบสวนหาบุคคลผู้รับฉีดด้วย
นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนและบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากทาง อย.และเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมา สบส.ก็ยืนดีให้ความร่วมมือ โดยหากตรวจสอบพบว่า สถานที่รับฉีดยาดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ก็ถือเป็นการเปิดคลินิกเถื่อนหรือสถานพยาบาลเถื่อน ว่าทำผิด คาดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ต่าถ้ารับบริการฉีดโดยไม่มีใบปริญญาแพทย์ และใบประกอบโรคศิลปะ ก็เข้าข่ายแพทย์เถื่อน ซึ่งไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตามที่ไม่ใช่แพทย์ก็คาดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 30,000 บาท
ด้าน นพ.สัมพันธ์ คมฤทิธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า กรณีนี้ต้องรอผลตรวจสอบการจึบกุมผู้ต้องหารายอื่นที่มีส่วนในการใช้ยาซึ่งไม่ได้รับการอนุญาต จาก อย.เสี่ยก่อนว่ามีผู้ใดกระทำร่วมบ้างและเป็นแพทย์หรือไม่ หากพบว่ามีแพทย์ร่วมบริการฉีดยาเร่งผิวขาวแก่ประชาชนก็ถือว่าผิดจริยธรรมแพทย์ ทางแพทยสภาก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
วันนี้ (9 มิ.ย.) นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และ พ.ต.อ.สมพร แดงดี ผู้กำกับการ.3 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงข่าว “ทลายแหล่งจำหน่ายยาฉีดกลูตาไธโอน อาหารเสริม โอ้อวดสรรพคุณเกินจริงผ่านเว็บไซต์ ไวท์แฟรี่สกิน (www.whitefairyskin.com ) ”ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
โดย นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท.ได้ตรวจสอบสอบเว็บไซต์ ไวท์แฟรี่สกิน พบว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์สุขภาพและเสริมความงามผิดกฎหมายทางเว็บไซต์ จึงได้ประสานกับ อย.จนทราบว่า มีการขายผลิตภัณฑ์ยา อ้างทำให้ผิวขาว และขายอาหารเสริมที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยระบุหมายเลขโทรศัพท์ให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ โดยมีทั้งบริการการขายผลิตภัณฑ์ และบริการประสานงานสำหรับการจัดหาสถานที่สำหรับฉีดด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า มีเมจเซนเจอร์รับส่งผลิตภัณฑ์ จากเว็บไซต์ดังกล่าวไปส่งต่อให้คลิกนิกอีกด้วย โดยผู้เปิดเว็บไซต์นั้นรับสินค้ามาจากคอนโดย่านลาดพร้าว ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบ ผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายหลายอย่าง ได้แก่ ครีมรกแกะ กลูตาไธโอน คอลลาเจน และวิตามิน โดยผลิตภัณฑ์ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.ยกเว้น วิตามิน
“สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ความดันต่ำ หอบหืด ผิวหนังแดง หลอดลมตีบ เป้นต้น โดยส่วนมากนำเข้าจากฝั่งยุโรป ซึ่งกลูตาไธโอนนั้นส่วนใหญ่ใช้รักษาตับเพื่อขจัดสารพิษ แต่คนไทยนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือนำมาฉีดให้ผิวขาว แต่หลักการทำงานจริงๆของกลูตาไธโอน คือ ลดความเข้มข้นของการผลิตเม็ดสีน้ำตาลของผิว จึงทำให้ผิวซีด โดยเฉลี่ยคาคาซื้อตกชุด 4,500 บาท โดยใน 1 ชุด มีตัวยา 6 หลอด และการฉีดแต่ละครั้งอยู่ได้นานครึ่งปี อย่างไรก็ตามขอประชาชนอย่าหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าว” นพ.พิพัฒน์ กล่าว
เลขาธิการ อย.กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินคดีครั้งนี้ มีหลายกรณี 1.กรณีจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอรุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 2.จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำหรับยา กับ อย.ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือไปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.โฆษณาขายโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าหากพบผู้กระทำผิดอื่นๆ ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อมาดำเนินคดีเพิ่มเติมเป็นรายๆ ไป เช่น เปิดคลินิกบริการฉีด หรือกรณีบุคคลที่รับฉีดยาให้ ไม่ใช่แพทย์
พ.ต.อ.สมพร กล่าวว่า จำนวนผลิตภัณฑ์ที่จับกุมได้มีทั้งหมด 60 กล่อง มูลค่ารวม 8 แสนบาท โดยผู้ต้องหาที่เปิดเว็บไซต์ ชื่อ นายธนะโรจน์ อิทธิมงคลวัฒน์ อยู่บ้านเลขที่ 54/174 หมู่ 2 ต.บางตลาด .อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยสั่งสินค้ามาจากย่านลาดพร้าว เจ้าของเป็นนายปรวัฒน์ วงศ์วาณิชยากุล ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า ย่านดังกล่าวมีการเปิดคลินิกที่รับฉีดด้วย แต่ขณะนี้คลินิกปิดบริการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีแค่ในส่วนของผู้ต้องหาซึ่งเปิดเว็บไซต์ และเจ้าของโกดังเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จากนี้จะต้องเร่งขยายผลเพื่อดำเนินการคดีกับสถานที่จำหน่ายและรับฉีดยา รวมทั้งสืบสวนหาบุคคลผู้รับฉีดด้วย
นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนและบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากทาง อย.และเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมา สบส.ก็ยืนดีให้ความร่วมมือ โดยหากตรวจสอบพบว่า สถานที่รับฉีดยาดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ก็ถือเป็นการเปิดคลินิกเถื่อนหรือสถานพยาบาลเถื่อน ว่าทำผิด คาดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ต่าถ้ารับบริการฉีดโดยไม่มีใบปริญญาแพทย์ และใบประกอบโรคศิลปะ ก็เข้าข่ายแพทย์เถื่อน ซึ่งไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตามที่ไม่ใช่แพทย์ก็คาดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 30,000 บาท
ด้าน นพ.สัมพันธ์ คมฤทิธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า กรณีนี้ต้องรอผลตรวจสอบการจึบกุมผู้ต้องหารายอื่นที่มีส่วนในการใช้ยาซึ่งไม่ได้รับการอนุญาต จาก อย.เสี่ยก่อนว่ามีผู้ใดกระทำร่วมบ้างและเป็นแพทย์หรือไม่ หากพบว่ามีแพทย์ร่วมบริการฉีดยาเร่งผิวขาวแก่ประชาชนก็ถือว่าผิดจริยธรรมแพทย์ ทางแพทยสภาก็จะดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
