สบส.กลุ้มพบคลินิกทำแท้งใช้เล่ห์ ทำประตูลับซับซ้อน ถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม
วันนี้ (6 ม.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังการจับกุมคลินิกทำแท้งย่านคู้บอน ในเขตมีนบุรี และรามคำแหง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีแพทย์เกี่ยวข้องกับคลินิกที่มีการจับกุม ว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 ศาลได้พิพากษา “รัฐพรคลินิก” ซึ่งเป็นคลินิกต้นทางในการรับลูกค้าและส่งไปทำแท้งที่คลินิก รามคำแหง 97 โดยลงโทษปรับ 2 หมื่นบาท จำคุก 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ที่ถูกจับกุมที่คลินิกรามคำแหง 97 ศาลตัดสินปรับรายละ 1 หมื่นบาท จำคุก 1 ปี โดยโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี
“ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินการของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะดำเนินการใน 3 ส่วน คือ ส่วนแรกสั่งปิดคลินิกรัฐพรจนกว่าจะดำเนินคดีแล้วเสร็จ 2.อธิบดีกรมสนับสนุนและบริการสุขภาพดำเนินการลงนามในหนังสือถึงแพทยสภาในการพิจารณาจรรยาบรรณวิชาชีพผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และส่วนที่ 3.คือได้แจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์ที่เป็นผู้ขอใบอนุญาตเปิดคลินิกเวชกรรมแต่ให้คนอื่นดำเนินการแทน ซึ่งต้องระวางโทษจำคุก 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” นายจุรินทร์ กล่าว
ด้านนพ.สมชัย ภิญโญพรพานิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ขณะนี้การจับกุมคลินิกทำแท้งทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายและคลินิกเถื่อนดำเนินการได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากผู้ที่ลักลอบทำแท้งใช้สารพัดวิธีในการหลบเลี่ยงการตรวจค้นและจับกุมของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมา เคยบุกจับคลินิกที่ได้รับแจ้งเบาะแสหลายแห่ง พบว่า คลินิกเหล่านี้ มีวิธีการหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่สารพัดรูปแบบ ตั้งแต่ทำประตูด้านหน้าหลอกไว้ และใช้ประตูด้านข้าง ในลักษณะของประตูลับ ที่มีทางเข้าค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเป็นการถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ไว้ ส่วนใหญ่เป็นคลินิกที่รับส่งต่อคนไข้จาก รพ.ใหญ่ หรือบางครั้ง รพ.ที่รับทำแท้งเองก็ใช้วิธีการแยกประตูเข้าออกแต่จะเป็นที่รู้กันของลูกค้าที่มาทำแท้ง
ขณะที่นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้แพทยสภายังไม่ได้รับหนังสือจากกรม สบส.เพื่อขอให้พิจารณาจรรยาบรรณวิชาชีพ แพทย์เจ้าของรัฐพรคลินิก อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมของแพทยสภา ได้รับเรื่องและดำเนินการตรวจสอบแล้วเสร็จ และพบว่า แพทย์เจ้าของคลินิกทำผิดจริยธรรมตามข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม จริง ก็จะมีบทลงโทษที่แตกต่างกัน โดยหากแพทย์เจ้าของคลินิกมีการสมรู้ร่วมคิดในการทำแท้ง ทั้งการส่งต่อให้ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ใช้พื้นที่คลินิก ดำเนินการทำแท้งแก่ผู้มาใช้บริการก็จะถูกลงโทษด้วยการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 1 เดือน ถึง 2 ปี แต่หากไม่มีการร่วมมือกระทำด้วยแต่แค่รับรู้ ก็ถูกภาคทัณฑ์ด้วยการกล่าวตักเตือนเท่านั้น
วันนี้ (6 ม.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังการจับกุมคลินิกทำแท้งย่านคู้บอน ในเขตมีนบุรี และรามคำแหง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีแพทย์เกี่ยวข้องกับคลินิกที่มีการจับกุม ว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 ศาลได้พิพากษา “รัฐพรคลินิก” ซึ่งเป็นคลินิกต้นทางในการรับลูกค้าและส่งไปทำแท้งที่คลินิก รามคำแหง 97 โดยลงโทษปรับ 2 หมื่นบาท จำคุก 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ที่ถูกจับกุมที่คลินิกรามคำแหง 97 ศาลตัดสินปรับรายละ 1 หมื่นบาท จำคุก 1 ปี โดยโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี
“ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินการของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะดำเนินการใน 3 ส่วน คือ ส่วนแรกสั่งปิดคลินิกรัฐพรจนกว่าจะดำเนินคดีแล้วเสร็จ 2.อธิบดีกรมสนับสนุนและบริการสุขภาพดำเนินการลงนามในหนังสือถึงแพทยสภาในการพิจารณาจรรยาบรรณวิชาชีพผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และส่วนที่ 3.คือได้แจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์ที่เป็นผู้ขอใบอนุญาตเปิดคลินิกเวชกรรมแต่ให้คนอื่นดำเนินการแทน ซึ่งต้องระวางโทษจำคุก 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” นายจุรินทร์ กล่าว
ด้านนพ.สมชัย ภิญโญพรพานิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ขณะนี้การจับกุมคลินิกทำแท้งทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายและคลินิกเถื่อนดำเนินการได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากผู้ที่ลักลอบทำแท้งใช้สารพัดวิธีในการหลบเลี่ยงการตรวจค้นและจับกุมของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมา เคยบุกจับคลินิกที่ได้รับแจ้งเบาะแสหลายแห่ง พบว่า คลินิกเหล่านี้ มีวิธีการหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่สารพัดรูปแบบ ตั้งแต่ทำประตูด้านหน้าหลอกไว้ และใช้ประตูด้านข้าง ในลักษณะของประตูลับ ที่มีทางเข้าค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเป็นการถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ไว้ ส่วนใหญ่เป็นคลินิกที่รับส่งต่อคนไข้จาก รพ.ใหญ่ หรือบางครั้ง รพ.ที่รับทำแท้งเองก็ใช้วิธีการแยกประตูเข้าออกแต่จะเป็นที่รู้กันของลูกค้าที่มาทำแท้ง
ขณะที่นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้แพทยสภายังไม่ได้รับหนังสือจากกรม สบส.เพื่อขอให้พิจารณาจรรยาบรรณวิชาชีพ แพทย์เจ้าของรัฐพรคลินิก อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมของแพทยสภา ได้รับเรื่องและดำเนินการตรวจสอบแล้วเสร็จ และพบว่า แพทย์เจ้าของคลินิกทำผิดจริยธรรมตามข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม จริง ก็จะมีบทลงโทษที่แตกต่างกัน โดยหากแพทย์เจ้าของคลินิกมีการสมรู้ร่วมคิดในการทำแท้ง ทั้งการส่งต่อให้ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ใช้พื้นที่คลินิก ดำเนินการทำแท้งแก่ผู้มาใช้บริการก็จะถูกลงโทษด้วยการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 1 เดือน ถึง 2 ปี แต่หากไม่มีการร่วมมือกระทำด้วยแต่แค่รับรู้ ก็ถูกภาคทัณฑ์ด้วยการกล่าวตักเตือนเท่านั้น
