กทม.เร่งสร้างสนามกีฬาในร่มรับหน้าเสื่อฟุตซอลโลก

กทม.เดินหน้าก่อสร้างสนามกีฬาในร่ม รับเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตซอลโลก ปลายปี 55 พรุ่งนี้ได้ฤกษ์ทดลองตอกเสาเข็มก่อนสร้างจริง ยันยังไงก็เสร็จทันการแข่งขันแน่นอน พร้อมนำงบ กทม.ไม่ต่ำกว่า 300 ล้าน ก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติม

วันนี้ (2 มิ.ย.) เวลา 13.00 น.ณ ศูนย์ฝึกอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการสนามกีฬาฟุตซอลโลก ปี 2555 และเตรียมความพร้อมด้านการจราจรและขนส่ง พร้อมทั้งเยี่ยมชมพื้นที่จัดสร้างสนามฟุตซอล โดยมีคณะผู้บริหาร กทม.ร่วมงาน

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.กล่าวว่า กทม.เริ่มดำเนินการออกแบบและก่อสร้างสนามฟุตซอล หลังจากที่ กทม.ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 7 (FIFA FUTSAL WORLD CUP 2012) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 2-18 พฤศจิกายน 2555 โดยใช้งบประมาณ กทม.จำนวน 23,000,000 บาท ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศึกษา สำรวจ วางแผนการใช้พื้นที่ ผลกระทบการจราจร และออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2554 เมื่อได้รูปแบบ รายการและประมาณราคาเรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างสนามฟุตซอล ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 พ.ค.อนุมัติเงินอุดหนุนรัฐบาล 100% เป็นจำนวน 1,239,464,000 บาทในการก่อสร้างสนามฟุตซอล โดยคาดว่า เริ่มก่อสร้างได้ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2554 ระยะเวลาก่อสร้าง 420 วัน กำหนดแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2555 ทั้งนี้ สนามกีฬาตั้งอยู่บนพื้นที่ 50 ไร่ บริเวณศูนย์ฝึกอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก สามารถจุผู้ชมได้ 12,000 ที่นั่ง มี 5 ระดับชั้น ออกแบบให้มีความทันสมัย ผสานความเป็นไทย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลังคาจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน

“ระยะเวลาที่ใช้ในการก่อสร้างเหลือไม่มากหนักแค่ 10 กว่าเดือน เนื่องจาก กทม.เพิ่งได้รับอนุมัติจาก ครม.แต่ทั้งนี้ จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยว่าจ้างผู้รับเหมาแบบวิธีพิเศษเพื่อให้ก่อสร้างเสร็จทันเดือนตุลาคม 2555 ก่อนที่จะมีการแข่งขันในต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคงไม่ทันที่ฟีฟ่าจะเข้ามาตรวจสอบ 3 เดือนก่อนการแข่งขันแน่นอน แต่ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเรามีการกำหนดการเสร็จที่ชัดเจน ยังไงมันก็ต้องทัน ซึ่งถ้าจำเป็นต้องก่อสร้าง 24 ชั่วโมง ก็ต้องทำ 24 ชั่วโมง ผมเอาเกียรติยศผู้บริหาร หน้าตา กทม.เป็นเดิมพัน อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้(3 มิ.ย.) จะมีการทดลองลงเสาเข็มเนื่องจากพื้นที่นี้เป็นดินอ่อน”

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนด้านการจัดการจราจรนั้น จะเพิ่มการเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางด้านตะวันออกกรุงเทพฯ โดยจะจัดให้มีรถบริการรับ-ส่งในช่วงที่มีการแข่งขันในเส้นทางใหม่ 3 เส้นทาง เพื่อเชื่อมต่อแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ประกอบด้วย 1.สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามฟุตซอล ระยะทาง 17.75 กม. 2.บางกะปิ-สนามฟุตซอล ระยะทาง 25.85 กม.และ 3. จากรามอินทรา-สนามฟุตซอล ระยะทาง 25.55 กม.ให้บริการตั้งแต่ 06.00-22.00 น.ในชั่วโมงเร่งด่วน 06:00-09:00 น.และ 17.00-22.00 น.ให้บริการ 30 นาที/คัน และนอกชั่วโมงเร่งด่วน 09.00-17.00 น.ให้บริการ 60 นาที/คัน ซึ่งช่วงเวลาการเดินรถดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามตารางการแข่งขัน และในอนาคตกรุงเทพมหานครยังจะสานต่อการให้บริการระบบขนส่งมวลชนทั้ง 3 เส้นทาง ที่เปิดให้บริการใหม่ช่วงการแข่งขันฟุตซอลโลกให้เป็นระบบขนส่งมวลชนหลัก รองรับการเดินทางจากศูนย์เมืองใหม่สู่พื้นที่ชุมชนใหม่ให้สะดวกในการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสู่ศูนย์กลางเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รวมทั้งรถไฟฟ้าที่จะเปิดให้บริการในอนาคต ทั้ง สายสีชมพู สายสีส้ม และสายสีเหลืองอีกด้วย

ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า หลังจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาฟุตซอลโลก ปี 2555 แล้ว กทม.จะดำเนินการบริหารจัดการสนามหลังการแข่งขันด้วยการรองรับแข่งขันกีฬาระดับชาติ การจัดนิทรรศการ แสดงดนตรี การอบรมสัมมนาต่างๆ เพื่อที่จะรองรับชุมชนเมืองแห่งใหม่ในย่านหนองจอกและโดยรอบศูนย์เมืองใหม่แห่งนี้ พร้อมๆ ไปกับการเร่งดำเนินการพัฒนาให้พื้นที่โดยรอบให้เป็นศูนย์เมืองใหม่ที่เพรียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภค สถานศึกษา สถานพยาบาล แหล่งสันทนาการ โดยจะมีหน่วยงานสำคัญ และมีพื้นที่แก้มลิงเพื่อรองรับน้ำต่อไป

ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า สำหรับเส้นทางการเดินรถนั้นได้มีการเจรจาเบื้องต้นกับเมโทรบัสแล้ว เนื่องจากมีสัมปทานการเดินรถในเส้นทางนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการนำรถชัตเติลบัสมาวิ่ง นอกจากนี้ จะมีการนำงบประมาณของ กทม.มาเพิ่มเติมอีก 300-600 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในด้านอื่นๆ เพราะงบที่ ครม.อนุมัติมาเฉพาะก่อสร้างตัวสนามกีฬาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จะมีการนำโมเดลการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ มาเป็นแกนในการดำเนินการครั้งนี้