กทม.เล็งปรับโฉมโรงรับจำนำ เทียบเท่าธนาคาร ทันสมัยนำเครื่องสแกนลายนิ้วมือมาใช้แทนการพิมพ์ลายนิ้วมือ ตั้งเป้าปรับโฉมทั้ง 20 แห่งให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2556
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการปรับภาพลักษณ์ใหม่ของสถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำของ กทม.ที่สาขาประดิพัทธ์ ซึ่งทำเป็นสาขานำร่องในการดำเนินการปรับปรุงรูปแบบให้มีความสวยงาม ทันสมัย ว่า สถานธนานุบาลแห่งนี้ถือเป็นสาขานำร่องในการปรับปรุงรูปโฉมให้มีความสะดวกและทันสมัยเทียบเท่าธนาคารพาณิชย์ ตามนโยบายของ กทม.ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ โดยปรับปรุงด้านกายภาพ ใช้กระจกนิรภัยแทนลูกกรงในช่องบริการ มีโทรทัศน์ และมุมหนังสือให้บริการระหว่างรอรับบริการ จัดเตรียมมุมเครื่องดื่มและน้ำสะอาดไว้บริการ พร้อมนำเครื่องสแกนลายนิ้วมือมาใช้แทนการพิมพ์ลายนิ้วมือด้วยหมึก ซึ่งประชาชนจะใช้เวลาในการรับบริการไม่เกิน 5 นาทีต่อคน และเปิดให้บริการตรวจสอบทรัพย์สินและประเมินราคาฟรีด้วย
ทั้งนี้ ในการปรับปรุงภาพลักษณ์ให้ครบทั้ง 20 สาขา จะเสร็จภายในต้นปี 2556 หรือก่อนครบวาระของผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งใช้งบประมาณในการปรับโฉมประมาณ 1 ล้านบาทเศษต่อสาขา นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังเตรียมพิจารณาเปิดให้บริการตู้รับฝากทรัพย์สินแบบธนาคารพาณิชย์ เพื่อเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ยอดผู้มาใช้บริการสถานธนานุบาลในปีนี้ ถือว่ามียอดสูงขึ้นมากโดยในปีที่ผ่านมา (2553) มียอดผู้ใช้บริการประมาณ 3 แสนคน แต่ช่วงครึ่งปีนี้มีมาใช้บริการแล้วกว่า 2 แสนคน เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีประกอบกับเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม จึงมีผู้มาใช้บริการอย่างมาก กทม.ได้เตรียมโครงการลดดอกเบี้ยสำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม เพื่อแบ่งเบาภาระในด้านการศึกษา ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-31 พฤษภาคมนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน สำหรับการจำนำต่อรายรวมไม่เกิน 70,000 บาทตลอดช่วงโครงการ เพียงนำเอกสาร แสดงความสัมพันธ์ของผู้ปกครองกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือเอกสารที่แสดงความเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ใช้ประกอบการใช้ลดดอกเบี้ย