กทม.จัดเทศกิจ 671 นาย ดูแลการจราจรหน้าโรงเรียนดัง ลดปัญหารถติดเปิดเทอมใหญ่ 18 พ.ค.นี้ ขณะที่ “สุขุมพันธุ์” เตรียมขึ้น ฮ.ตรวจสภาพจราจรตลอดเส้นวิภาวดีรังสิต-ถ.สามเสน และใช้ CCTV รายงานการจราจรช่วยประชาชนวางแผนการเดินทาง “ธีระชน” ยัน ผลักดันรถไฟฟ้าโมโนเรล ไลท์เรล ให้รัฐบาลหน้าอนุมติ พร้อมแฉใครตัวดึงเช็งทำเรื่องไม่คืบหน้า เตรียมขอ ขสมก.มาบริหารเองตามกฎหมายกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นปี 2552
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.และ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะนำสื่อมวลชนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสภาพการจราจรในวันเปิดภาคเรียนเวลา 07.00 น.ณ สนามบินดอนเมือง โดยจะสำรวจสภาพการจราจรตั้งแต่ดอนเมืองโทลล์เวย์ ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมุ่งหน้าถนนสามเสน ซึ่งมีโรงเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก โดย ขณะเดียวกัน ที่ศาลาว่า กทม.สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ได้จัดเตรียมห้องควบคุมกล้องวงจรปิด (CCTV) ถ่ายทอดข้อมูลสภาพการจราจรในจุดต่างๆ ซึ่งจะได้ถ่ายทอดสภาพการจราจรจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ซึ่งรับสัญญาณภาพจาก CCTV ที่ติดตั้งทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 10,000 จุด ผ่านสถานีโทรทัศน์ และวิทยุ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ตอบข้อมูลด้านการจราจรให้กับประชาชนที่สนใจ นอกจากนี้ ในอนาคต กทม.จะจัดให้มีการรายงานสภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนผ่านสถานีโทรทัศน์ ของกรุงเทพมหานคร (Bangkok City Channel) และทางอินเทอร์เน็ต ทุกวัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการตรวจสอบสภาพการจราจรก่อนออกเดินทางด้วย
นายธีระชน กล่าวอีกว่า กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่จากสำนักเทศกิจ และฝ่ายเทศกิจ 50 เขต ตั้งจุดปฏิบัติการจราจร 422 จุด รวมจำนวนเทศกิจ 671 นาย ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบ ตามโครงการเทศกิจอาสาพาน้องข้ามถนน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เด็กนักเรียนและผู้ปกครอง อีกทั้งได้มอบหมายให้ฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต ประสานสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ออกตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางบนทางเท้า และผิวจราจรโดยเฉพาะจุดกวดขันพิเศษ ตลอดจนร่วมกับหน่วย BEST ในการซ่อมแซมยานพาหนะขัดข้องและเคลื่อนย้ายพาหนะในจุดเกิดอุบัติเหตุ เพื่อบรรเทาปัญหาจราจรและให้เกิดสภาพคล่องโดยเร็วที่สุด
นายธีระชน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหาจราจรกรุงเทพฯ ในระยะยาวนั้น ผู้ว่าฯกทม.ได้มีการหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือแม้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาว่า กทม.พร้อมที่จะเป็นผู้ดูแล องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ด้วยตนเอง โดยหนี้ที่ขสมก.มีอยู่จะต้องดำเนินการให้เป็นหนี้สาธารณะก่อนที่จะโอนภารกิจมาให้ กทม.บริหารจัดการ ซึ่งจะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนบางเส้นทางให้เชื่อมโยงกับระบบรถไฟฟ้า ขณะเดียวกัน ก็มีความประสงค์ที่จะเพิ่มเติมเส้นทางเดินเรือโดยสารในคลองฝั่ง ธนบุรี เช่นเดียวกับการเดินเรือในคลองแสนแสบ
อย่าง ไรก็ตาม ถึงรัฐบาลใหม่จะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม กทม.จะยืนยันผลักดันระบบเสริมในเรื่องของระบบรางที่ กทม.ควรจะเป็นผู้จัดการระบบรางในพื้นที่ กทม.ตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่ให้ กทม.ทำระบบเสริมได้ทั้งรถไฟฟ้าระบบโมโนเรล (Monorail) ระบบไลท์เรล (Light rail) ที่ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยยังไม่นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวถ้ามอบหมายกลับมาให้ กทม.ทำตามมติ ครม.เดิมตนเอง เชื่อมั่นว่า กทม.จะสามารถเปิดได้ตามกำหนดการซึ่งทั้งหมดนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 กำหนดให้การดูแลการคมนาคมเป็นหน้าที่ของท้องถิ่น
“เราไม่อยากให้การแก้ไขปัญหามาเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ว่าทุกวันนี้มันกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เอกสารส่งไปตั้งนานแล้วเรื่องก็ยังไม่เข้า ครม.จนกระทั่งนัดสุดท้ายก็ไม่ได้เข้า วันนี้นักการเมืองที่จะเข้ามาใหม่โดยเฉพาะในระดับรัฐบาลกลางนี้ น่าจะมองผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อย่างที่ผู้ว่าฯพูดขอเพียงแค่ลายเซ็นอนุญาตให้เราดำเนินการ เราจะขับเคลื่อนในเรื่องระบบขนส่งมวลชนซึ่งการแก้ไขปัญหาหลักจะเป็นเรื่อง ระบบขนส่งมวลชนคงยากที่จะตัดถนนเพิ่ม คงยากที่จะทำอุโมงค์เพิ่ม” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว