พม.ส่งหญิงเวียดนามเหยื่ออุ้มบุญ กลับภูมิลำเนา พร้อมร่วมเดินทางหารือตามบันทึกข้อตกลงต่อต้านการค้ามนุษย์กับเวียดนาม เผย จับผู้ต้องหาได้แล้ว 5 ราย ข้อหาร่วมค้ามนุษย์ ส่วน “เล่าปัน” หัวหน้าใหญ่อยู่ระหว่างตามจับ คาดยังหลบอยู่ไทย พร้อมตั้งศูนย์บริการจุดเดียวช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ที่สุวรรณภูมิ ช่วง มิ.ย.นี้
วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 05.30 น.ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์บริการจุดเดียว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (One Stop Service) ชั้น 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานแถลงข่าว ส่งหญิงเวียดนามกรณีอุ้มบุญ พร้อมด้วยบุตร จำนวน 10 ราย (หญิง 5 ราย เด็ก 5 ราย ) กลับสู่มาตุภูมิ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3700 ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 06.45 น.และจะร่วมเดินทางไปพร้อมกับผู้บริหารกระทรวง เพื่อพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ (Ministry of Public Security) ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกัน เพื่อร่วมหารือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่าด้วยการต่อต้านการค้าหญิงและเด็กและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ พร้อมตรวจเยี่ยมหญิงชาวเวียดนามกรณีอุ้มบุญ ณ ประเทศเวียดนาม
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าทำการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ถูกกักขังและบังคับ ขู่เข็ญ จากแก๊งผู้ต้องหาชาวไต้หวันให้ทำงานรับจ้างตั้งครรภ์ให้บุคคลอื่น (อุ้มบุญ) จำนวน 15 ราย โดยให้อยู่ในความดูแลของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจ และประสานงานกับประเทศต้นทางตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่าด้วยการต่อต้านการค้าหญิงและเด็กและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและการเรียกร้องสิทธิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย และตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันค้ามนุษย์ ปัจจุบันถูกคุมขังที่ทัณฑสถานมีนบุรี และศาลได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ส่วนนายเล่าปัน ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ ขณะนี้คาดว่าหลบหนีอยู่ในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
โดยหญิงชาวเวียดนามทั้ง 15 ราย จำแนกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มที่คลอดบุตรแล้ว จำนวน 4 ราย มีเด็ก 5 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กแฝดชาย-หญิง 1 คู่ ซึ่งบุตรของหญิงเวียดนามกลุ่มนี้ได้ฝากเข้ารับการดูแลเป็นการชั่วคราวที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท 2.กลุ่มที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ จำนวน 5 ราย และ 3.กลุ่มที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จำนวน 6 ราย โดยกระทรวงได้ดำเนินการส่งกลับไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2554 จำนวน 10 ราย ได้แก่ กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ 4 ราย และที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ 6 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และมูลนิธิพิทักษ์สตรีร่วมเดินทางไปส่ง ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และในวันนี้ จะส่งกลับอีก 10 ราย เป็นหญิงซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์จำนวน 1 ราย และหญิงที่คลอดบุตรแล้ว 4 ราย และเด็ก 5 ราย (เด็กแฝดชาย-หญิง 1 คู่) โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์สตรีร่วมเดินทางไปด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตั้งศูนย์บริการจุดเดียว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ (One Stop Service) เพื่อให้บริการดูแลช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่า จะเริ่มต้นให้บริการได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2554
วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 05.30 น.ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์บริการจุดเดียว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (One Stop Service) ชั้น 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานแถลงข่าว ส่งหญิงเวียดนามกรณีอุ้มบุญ พร้อมด้วยบุตร จำนวน 10 ราย (หญิง 5 ราย เด็ก 5 ราย ) กลับสู่มาตุภูมิ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3700 ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 06.45 น.และจะร่วมเดินทางไปพร้อมกับผู้บริหารกระทรวง เพื่อพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ (Ministry of Public Security) ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกัน เพื่อร่วมหารือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่าด้วยการต่อต้านการค้าหญิงและเด็กและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ พร้อมตรวจเยี่ยมหญิงชาวเวียดนามกรณีอุ้มบุญ ณ ประเทศเวียดนาม
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากการที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าทำการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นหญิงต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ถูกกักขังและบังคับ ขู่เข็ญ จากแก๊งผู้ต้องหาชาวไต้หวันให้ทำงานรับจ้างตั้งครรภ์ให้บุคคลอื่น (อุ้มบุญ) จำนวน 15 ราย โดยให้อยู่ในความดูแลของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจ และประสานงานกับประเทศต้นทางตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่าด้วยการต่อต้านการค้าหญิงและเด็กและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและการเรียกร้องสิทธิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย และตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันค้ามนุษย์ ปัจจุบันถูกคุมขังที่ทัณฑสถานมีนบุรี และศาลได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว ส่วนนายเล่าปัน ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ ขณะนี้คาดว่าหลบหนีอยู่ในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
โดยหญิงชาวเวียดนามทั้ง 15 ราย จำแนกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ 1.กลุ่มที่คลอดบุตรแล้ว จำนวน 4 ราย มีเด็ก 5 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กแฝดชาย-หญิง 1 คู่ ซึ่งบุตรของหญิงเวียดนามกลุ่มนี้ได้ฝากเข้ารับการดูแลเป็นการชั่วคราวที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท 2.กลุ่มที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ จำนวน 5 ราย และ 3.กลุ่มที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ จำนวน 6 ราย โดยกระทรวงได้ดำเนินการส่งกลับไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2554 จำนวน 10 ราย ได้แก่ กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ 4 ราย และที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ 6 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และมูลนิธิพิทักษ์สตรีร่วมเดินทางไปส่ง ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และในวันนี้ จะส่งกลับอีก 10 ราย เป็นหญิงซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์จำนวน 1 ราย และหญิงที่คลอดบุตรแล้ว 4 ราย และเด็ก 5 ราย (เด็กแฝดชาย-หญิง 1 คู่) โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์สตรีร่วมเดินทางไปด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ร่วมกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตั้งศูนย์บริการจุดเดียว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ (One Stop Service) เพื่อให้บริการดูแลช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่า จะเริ่มต้นให้บริการได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2554
