xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมส่งสาว “อุ้มบุญ” กลับเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
ระดมสมองหาทางออก กรณีสาวเวียดนาม 15 ราย รับจ้างอุ้มบุญ เตรียมส่งกลับประเทศ พร้อมเร่งล่าผู้กระทำผิด หลังพบทำมาแล้ว 2 ปี

จากกรณีที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประชุมร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มูลนิธิพิทักษ์สิทธิสตรี โรงพยาบาลนพรัตน์ บ้านเกร็ดตระการ และแพทยสภา เพื่อพิจารณาหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ด้วยวิธีอุ้มบุญ จากกรณีการจับกุมบริษัทนายหน้ารับหาหญิงเพื่ออุ้มบุญให้แก่ครอบครัวที่อยากมีบุตร และมีหญิงชาวเวียดนามเป็นผู้รับอุ้มบุญ นั้น

ล่าสุด ในวันนี้ (28 ก.พ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในวันนี้ สธ.ได้เชิญอีก 2 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุมเพิ่ม คือ สถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทย และกระทรวงต่างประเทศ โดยความคืบหน้าของเรื่องการอุ้มบุญนั้นพบว่ามีสาวเวียดนามที่ถูกถูกล่อลวงให้มารับจ้างตั้งครรภ์ทั้งหมด 15 คน โดยมีหญิงตั้งครรภ์ 9 คน คลอดแล้ว 2 ยังไม่คลอดอีก 7 คน และอีก 6 ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ โดย 1 ใน 15 คนมีปัญหาเรื่องถูกยึดพาสปอร์ต 1 คน วีซ่าหมดอายุ 1 คน ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการผ่อนผันให้ ส่วนหญิงตั้งครรภ์เด็กแฝดนั้นขณะนี้ได้เปลี่ยนใจแล้ว

“จากการประชุมร่วมกันมีแนวทางแก้ปัญหาเพื่อดำเนินการ คือ 1 ในส่วนของบริษัทชาวไต้หวัน จะมีการดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยคาดว่าจะสามารถสอบปากคำหญิงชาวเวียดนามได้เสร็จภายในวันนี้ 2 สถานพยาบาล และแพทย์ผู้กระทำการผสมเทียม อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร พยาน หลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 2 ฉบับ คือ 1. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 จึงขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี แต่ยืนยันว่าหากหลักฐานเพียงพอ ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด โดยวันที่ 10 มี.ค.นี้ แพทยสภา จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการบริหาร เพื่อนำเข้าคณะกรรมการจริยธรรม” นายจุรินทร์ กล่าว

รมว.สธ.กล่าวว่า ในส่วนหญิงชาวเวียดนามได้ข้อสรุปว่า หญิงที่แจ้งความประสงค์จะยุติการตั้งครรภ์ในเบื้องต้น เปลี่ยนใจและจะตั้งครรภ์ต่อไป โดยหญิงทั้งหมดรวมทั้งบุตรจะเดินทางกลับประเทศเวียดนามภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งมูลนิธิพิทักษ์สิทธิสตรีประสานกับสถานฑูตเวียดนามในการช่วยเหลือส่งกลับประเทศ ระหว่างนี้จะทำการสอบปากคำหญิงเวียดนามทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การขยายผลคดี ส่วนเด็กที่เกิดจากหญิงเวียดนามที่อุ้มบุญครั้งนี้ จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเวียดนามในการดูแลต่อไป

ตัวแทนเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัทที่มีการกระทำผิด พบว่า ในประเทศไทย ยังสามารถใช้งานได้ ในขณะที่ในประเทศเวียดนาม รัฐบาลได้สั่งปิดล็อกเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปิดเว็ปไซต์ดังกล่าวในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเว็ปไซต์ดังกล่าว พบว่า มีการนำภาพหญิงสาวพร้อมรหัสประจำตัว ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นหญิงสาวที่มาเสนอตัวเพื่อให้ผู้ต้องการมีบุตร ได้เลือกใช้ไข่ เพื่อนำไปผสมเทียม โดยส่วนใหญ่จะเป็นหญิงชาวเวียดนาม จากการสอบถาม หญิงที่ถูกจับ ทราบว่า สำนักงานของบริษัทดังกล่าว อยู่ในประเทศไทย และกัมพูชา ส่วนการผสมเทียม เชื่อว่ามีการกระทำในประเทศไทย

ด้านเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้รายงานในที่ประชุมว่า จากการขยายผลพบว่า บริษัทดังกล่าวได้เริ่มทำธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2552 และเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในประเทศไต้หวันก่อนที่จะย้ายมากระทำการในประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น