xs
xsm
sm
md
lg

“ท่าน ว.วชิรเมธี” บอกดู “ดอกส้มฯ” เป็นก็เห็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ท่าน ว.วชิรเมธี เผย กรรม 9 ข้อที่เป็นเหตุให้สังคมไทยต้องเข้าสู่วิกฤตอันยาวนาน และ 3 ลัทธิที่คนไทยต้องรู้ทัน พร้อมชี้การดูละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง ถ้าดูให้เป็นก็เห็นธรรมได้ และสามารถเรียนรู้สิ่งที่ดีได้ แม้จะเป็นละครน้ำเน่า เช่นเดียวกันหากดูไม่เป็นถึงแม้จะเป็นละครน้ำดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

วันนี้ (13 พ.ค.) ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ สวนรถไฟ มีการจัดเสวนาธรรมเรื่อง “สแกนกรรมสังคมไทย เจาะใจ...คุณเรยา 5 ตำราที่ชาวพุทธควรอ่าน”โดย “พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี” หรือ “ท่าน ว.วชิรเมธี” ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าวว่า เมื่อพูดกันถึงเรื่องกรรม คนไทยมักพูดกันแต่กรรมส่วนบุคคลโดยไม่เคยมองถึงกรรมในระดับสังคม การแก้กรรมซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคลนั้น หากทำถูกต้องก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องไม่ลืมการแก้กรรมระดับสังคมด้วย ทุกวันนี้ สังคมไทยเต็มไปด้วยปัญหา เพราะว่าสังคมของเราได้สั่งสมเหตุปัจจัยหรือกรรมเก่าในทางที่ไม่ดีมาอย่างยาวนาน และตอนนี้กรรมเก่าที่เราสั่งสมมาร่วมกันกำลังแสดงผลให้คนไทยได้เห็น โดยกรรมเก่าที่ว่านั้นประกอบด้วย 9 เรื่องด้วยกัน ได้แก่
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
1.การเลี้ยวเข้าทางผิด ซึ่งหมายถึง การใช้วิธีรัฐประหารแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่แก้ปัญหา แต่ยังสร้างปัญหาใหม่ไม่จบสิ้น 2.การทุจริตจนเป็นวัฒนธรรม คือ การคอร์รัปชันที่มีแพร่หลายในทุกวงการ 3.การเมืองตกต่ำล้มเหลว คือ การเมืองที่กลายเป็นธนาธิปไตยเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายถึง การเมือง = เงิน+อำนาจ+เงิน ทำให้เจตนารมณ์ที่แท้ของการเมืองหายไป 4.ค่านิยมบิดเบี้ยวทั้งสังคม หมายถึง ยอมรับคนโกง ยกย่องคนรวยโดยไม่ถามว่ารวยมาอย่างสุจริตหรือไม่ นิยมความรุนแรงในการแก้ปัญหา

5.การศึกษาจ่อมจมอยู่แค่ใบปริญญา คือ ผลการเรียนเด็กไทยตกต่ำ การเรียนหนังสือเพื่อเอาแต่ใบปริญญาแต่ไม่เน้นสติปัญญา มหาวิทยาลัยขายปริญญามีกันมากมาย การศึกษามีความหมายแคบและผิดเพี้ยน 6.ชาวประชาแตกสามัคคี หมายถึง ภาวะแตกสามัคคีและแบ่งเป็นเสื้อสีต่างๆ 7.เศรษฐกิจลูกผีลูกคน คือ ภาวะข้าวยากหมากแพง ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนห่างกันติดอันดับโลก 8.สแกนกรรมสัปดนนอกธรรมวินัย หมายถึง การเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ไม่ถูกต้องทั้งเชิงเนื้อหาและวิธีการที่มีอยู่มากมาย 9.ภาคใต้กลียุค คือ ความรุนแรงที่ปะทุรายวันและมองไม่เห็นว่าจะยุติลงได้อย่างไร

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าวต่อว่า ขณะที่กรรมส่วนบุคคลที่คนไทยต้องรู้เท่าทันคือ“ลัทธินอกพุทธศาสนา 3 ลัทธิ” ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อใครเชื่อแล้วจะทำให้กลายเป็นนักยอมจำนนต่อชีวิต ยอมจำนนต่อปัญหา ไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ชีวิตและอุปสรรคซึ่งลัทธิทั้ง 3 นี้ คือ 1.ลัทธิกรรมเก่า ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างในชีวิตเป็นผลผลิตของกรรมเก่าจะเจริญรุ่งเรืองได้เพราะกรรมที่ได้ทำแต่ชาติก่อน 2.ลัทธิเทพเจ้าบันดาล เชื่อว่าทุกอย่างในชีวิตเทพเจ้าลิขิตไว้แล้ว และ 3.ลัทธิบังเอิญหรือจะเรียกอีกอย่างว่า ลัทธิช่างหัวมัน เชื่อว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีที่มา ไม่มีที่ไป มนุษย์ไม่มีทางกำหนดคาดการณ์อะไรได้ เช่น นักการเมืองจะโกงก็โกงไป ซึ่งถ้าเป็นลักษณะเช่นนี้ก็จะส่งผลให้ตนไทยเกิดความวางเฉยและใส่เกียร์ว่าง

ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้กรรมนั้นควรเริ่มด้วยการแก้ความเข้าใจที่ผิดตั้งแต่ระดับ “ถ้อยคำ” คือ ต้องสังคายนาความหมายของ “กรรม” กันให้ชัดเจนว่า กรรม หมายถึง การกระทำทางกาย วาจา และใจ ไม่ใช่เรื่องลึกลับดำมืดในทางเสียหายที่เราสร้างไว้ในชาติปางก่อนเท่านั้น แต่เน้นไปที่การกระทำทั้งที่ดี และที่ชั่วในชีวิตนี้เป็นสำคัญ และหลักของกฎแห่งกรรมก็มีอยู่ว่า “ทำเหตุที่ดี ก็ได้รับผลที่ดี ทำเหตุที่ไม่ดี ก็ได้รับผลที่ไม่ดี” หรือ “ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว” ในส่วนของผู้เผยแผ่พุทธศาสนา ถ้าเราเห็นว่า ท่านสอนไม่ถูก ก็ต้องช่วยกัน “ถวายความรู้” ให้พระสงฆ์และแม่ชีได้รับการศึกษาที่ดีและถูกต้อง ไม่ควรปล่อยให้ท่านบวชเอง เรียนเอง แล้วตั้งตนเป็นครูบาอาจารย์สอนผิดๆ ถูกๆ ซึ่งก่อผลเสียแก่ประชาชนในวงกว้างและระยะยาว

“การแก้กรรมนั้นควรแก้ความเชื่อที่ผิดวามเข้าใจที่ผิดให้หันมาเชื่อถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ใช้ชีวิตถูกต้อง ดำรงชีวิตอยู่ด้วยสติปัญญา ไม่สยบยอมต่อปัญหาและอุปสรรค ไม่มองโลกและชีวิตว่าเป็นเพราะกรรมเก่าล้วนๆ โดยลืมเหตุปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบในปัจจุบัน รวมทั้งเชื่อมั่นว่า มนุษย์สามารถลิขิตชีวิตของตนเองด้วยกรรมคือการกระทำของตนเองในชีวิตนี้ และกระบวนการทั้งหมดนี้เราต้องทำด้วยตนเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาทำให้ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เป็นเรื่องเฉพาะตัว คนหนึ่งจะยังอีกคนหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่ หรือถ้าจะกล่าวสั้นๆ ท่านสอนหลักกรรมเพื่อให้รับผิดชอบต่อชีวิต สู้ชีวิต ไม่ใช่เพื่อให้ยอมจำนนต่อปัญหาของชีวิต และคิดเอาง่ายๆ ว่า กรรมแก้ได้ด้วยการใช้เงินไม่กี่บาท หรือด้วยพิธีกรรมแปลกๆ ก็จบแล้วซึ่งการสอนเช่นนี้ มีแต่ทำให้คนไม่กลัวบาปกลัวกรรมเพิ่มขึ้น เพราะเห็นว่า หากทำผิด ทำชั่ว ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมีคนช่วยแก้ให้” พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าว

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ได้เสนอแนะในการดูละครดอกส้มสีทองที่กำลังเป็นกระแสสังคมทุกวันนี้ว่า การดูละครนั้น หากดูเป็นก็จะเห็นธรรม เพราะเราสามารถเรียนรู้สิ่งดีๆ ได้แม้จากละครน้ำเน่าอย่างเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ซึ่งเป็นละครที่มีตัวอย่างในทางที่ไม่ดีอยู่หลายตอน เหมือนกับที่ดอกบัวยังสามารถงอกงามได้จากโคลนตมที่สกปรก และเช่นเดียวกัน หากเราดูไม่เป็น ต่อให้เป็นละครน้ำดีแค่ไหน ก็ไม่ได้ประโยชน์มากนัก ดังนั้น นอกจากสังคมไทยจะต้องการละครที่มีเนื้อหาดีๆ แล้ว ก็ยังต้องการผู้ชมละครที่มีท่าที ในการดูละครที่ดี ที่มีวิจารณญาณด้วยเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในอดีตสมัยพุทธกาล อัครสาวกของพระพุทธเจ้ายังเคยได้รับแรงบันดาลใจดีๆ จากละครเวทีจนถึงกับออกบวชและได้บรรลุธรรม ด้วยเหตุนั้น ละครแต่ละเรื่องจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากหากรู้จักผลิตและรู้จักดู จึงขอเชิญชวนให้ทั้งผู้ผลิตและผู้ดูช่วยกันเรียกร้องคุณภาพให้กับวงการละครโทรทัศน์ไทยให้มากขึ้น

นอกจากนี้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ยังได้แนะนำ 5 หนังสือที่ชาวพุทธควรอ่าน โดยเป็นหนังสือที่มีสาระสำคัญของพุทธศาสนาที่แท้ คือ เมื่อศึกษาเป็นอย่างดี ก็จะทำให้รู้ว่า พุทธศาสนาที่แท้ มีลักษณะอย่างไร การแก้กรรมที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร ลัทธิที่สวนทางกับพุทธศาสนาท่านว่าไว้อย่างไร และการจะเป็นชาวพุทธชั้นนำต้องทำตัวอย่างไร หนังสือดีที่ชาวพุทธควรอ่านได้แก่1.พระไตรปิฎก 2.พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน 3.คุณลักษณะพิเศษของพุทธศาสนา 4.หลักชาวพุทธ (เกณฑ์มาตรฐานของการเป็นชาวพุทธ) 5.เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น