บอร์ด สปส.อนุมัติ รักษาโรคไตไม่จำกัดครั้ง สั่งเพิ่มวงเงินค่ายา จาก 750 บาท เป็น 1,125 บาท ทุพพลภาพขยายวงเงินรักษา รพ.รัฐฟรี ย้อนหลัง 1 ม.ค.54 ปลัดแรงงาน ระบุ โอนผู้ประกันตนให้ สปสช.เลื่อนถก 2 กองทุนเป็น 10 พ.ค.ขณะที่ ครม.ไฟเขียวตามที่คลังเสนอของบ 525 ล้านบาท ให้ สปส.เดินหน้าโครงการดึงแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคม
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สำนักงานประกันสังคม นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมผ่าตัดเปลี่ยนไตได้หนึ่งครั้ง เป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อยากระตุ้นเม็ดเลือดจาก 750 บาท เป็น 1,125 บาทต่อสัปดาห์ รวมถึงเพิ่มวงเงินยากดภูมิคุ้มกันหลังผ่าตัด ซึ่งเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ครอบคลุมให้กับผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังทั้งก่อนและหลังเข้าเป็นผู้ประกันตน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยโรคไต หลังผ่าตัดแล้วจำเป็นต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน โดยระดับแรกให้เดือนที่ 1-6 ส่วนระดับที่ 2 ตั้งแต่ที่ 7-12 และให้ในปีที่ 2 และ 3 ทั้งปี ซึ่งมีการเพิ่มวงเงิน 5,000 บาทต่อระดับ จากอัตราที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ และในส่วนของการเพิ่มการกระตุ้นเม็ดเลือดมีการเพิ่มค่าฉีดยาเป็น 50 บาทต่อเข็ม ส่วนกรณีผู้ป่วยทุพพลภาพจะเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลเป็น 4,000 บาทในส่วนของโรงพยาบาลเอกชน หากเป็นโรงพยาบาลรัฐ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยจะมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 มกราคม 2554
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีการประชุมร่วมระหว่างผู้แทน สปสช.และ สปส.เพื่อโอนสิทธิผู้ประกันตนไปรักษาพยาบาลในระบบของ สปสช.ในมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ได้เสนอเรื่องขอความเห็นชอบจากที่ประชุม บอร์ด สปส.ไม่ขัดข้อง ที่จะให้มีการส่งตัวแทน สปส.จำนวน 10 คน เพื่อไปร่วมประชุมกับผู้แทน สปสช.โดยมี นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการ สปส.เป็นหัวหน้าคณะไปพูดคุย ซึ่งกำหนดการเดิมจะมีการหารือ 2 กองทุนในวันที่ 27 เมษายน แต่ สปสช.ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 10 พฤษภาคมแทน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยัง สปสช.เพื่อทราบหัวข้อ และรายละเอียดที่จะหารือ เนื่องจากในขณะนี้ทาง สปส.ยังไม่รู้ประเด็นและรายละเอียด ทั้งนี้ การพูดคุยดังกล่าวถ้ามีความชัดเจนถึงทิศทางการโอนผู้ประกันตน ไปอยู่กับ สปสช.ได้แล้ว ขั้นต่อไปก็จะมีการเสนอขอความเห็นชอบจากบอร์ด สปส.ต่อไป
**อนุมติงบ 525 ล้านให้ประกันสังคมดึงแรงงานเข้าระบบ
วันเดียวกันนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอของบ 525 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการจูงใจให้แรงงานนอกระบบ เข้าเป็นผู้ประกันตนในระบบตามมาตรา 40 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 พ.ค.2554 นี้
รายงานข่าวจากประกันสังคม แจ้งว่า ขณะนี้มีแรงงานนอกระบบสนใจเข้าโครงการนี้แล้วมากกว่า 3 แสนราย โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางเพื่อประชาสัมพันธ์จูงใจให้แรงงานเข้าร่วมโครงการ 525 ล้านบาท สำหรับประสานเครือข่ายท้องถิ่น ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าสะดวกซื้อ เป็นศูนย์กลางลงทะเบียนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่แรงงานนอกระบบ ที่ต้องการสมัครเข้าระบบประกันสังคม มาตรา 40 โดยจะเริ่มจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่สำนักงานประกันสังคม นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์จากเดิมผ่าตัดเปลี่ยนไตได้หนึ่งครั้ง เป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง และเพิ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อยากระตุ้นเม็ดเลือดจาก 750 บาท เป็น 1,125 บาทต่อสัปดาห์ รวมถึงเพิ่มวงเงินยากดภูมิคุ้มกันหลังผ่าตัด ซึ่งเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ครอบคลุมให้กับผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังทั้งก่อนและหลังเข้าเป็นผู้ประกันตน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยโรคไต หลังผ่าตัดแล้วจำเป็นต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน โดยระดับแรกให้เดือนที่ 1-6 ส่วนระดับที่ 2 ตั้งแต่ที่ 7-12 และให้ในปีที่ 2 และ 3 ทั้งปี ซึ่งมีการเพิ่มวงเงิน 5,000 บาทต่อระดับ จากอัตราที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ และในส่วนของการเพิ่มการกระตุ้นเม็ดเลือดมีการเพิ่มค่าฉีดยาเป็น 50 บาทต่อเข็ม ส่วนกรณีผู้ป่วยทุพพลภาพจะเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลเป็น 4,000 บาทในส่วนของโรงพยาบาลเอกชน หากเป็นโรงพยาบาลรัฐ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยจะมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 มกราคม 2554
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีการประชุมร่วมระหว่างผู้แทน สปสช.และ สปส.เพื่อโอนสิทธิผู้ประกันตนไปรักษาพยาบาลในระบบของ สปสช.ในมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ได้เสนอเรื่องขอความเห็นชอบจากที่ประชุม บอร์ด สปส.ไม่ขัดข้อง ที่จะให้มีการส่งตัวแทน สปส.จำนวน 10 คน เพื่อไปร่วมประชุมกับผู้แทน สปสช.โดยมี นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการ สปส.เป็นหัวหน้าคณะไปพูดคุย ซึ่งกำหนดการเดิมจะมีการหารือ 2 กองทุนในวันที่ 27 เมษายน แต่ สปสช.ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 10 พฤษภาคมแทน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยัง สปสช.เพื่อทราบหัวข้อ และรายละเอียดที่จะหารือ เนื่องจากในขณะนี้ทาง สปส.ยังไม่รู้ประเด็นและรายละเอียด ทั้งนี้ การพูดคุยดังกล่าวถ้ามีความชัดเจนถึงทิศทางการโอนผู้ประกันตน ไปอยู่กับ สปสช.ได้แล้ว ขั้นต่อไปก็จะมีการเสนอขอความเห็นชอบจากบอร์ด สปส.ต่อไป
**อนุมติงบ 525 ล้านให้ประกันสังคมดึงแรงงานเข้าระบบ
วันเดียวกันนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอของบ 525 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการจูงใจให้แรงงานนอกระบบ เข้าเป็นผู้ประกันตนในระบบตามมาตรา 40 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 พ.ค.2554 นี้
รายงานข่าวจากประกันสังคม แจ้งว่า ขณะนี้มีแรงงานนอกระบบสนใจเข้าโครงการนี้แล้วมากกว่า 3 แสนราย โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางเพื่อประชาสัมพันธ์จูงใจให้แรงงานเข้าร่วมโครงการ 525 ล้านบาท สำหรับประสานเครือข่ายท้องถิ่น ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าสะดวกซื้อ เป็นศูนย์กลางลงทะเบียนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่แรงงานนอกระบบ ที่ต้องการสมัครเข้าระบบประกันสังคม มาตรา 40 โดยจะเริ่มจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้
