“ชินวรณ์” แย้ม “องค์กร” ถูกขู่ฆ่า บอร์ดสั่งให้หยุด ตอกมีใครใหญ่กว่ารัฐมนตรี ขณะที่เลขาธิการคุรุสภา ระบุ มหาวิทยาลัยเอกชน ส่งหนังสือขอยกเลิกออกใบ ป.บัณฑิต ทั้งหมด ด้าน รมช.ศธ.ลงพื้นที่ตรวจ ม.อีสาน พบพิรุธ มีการเปิดสอน ป.บัณฑิต 100 คนต่อปี แต่มีเด็กเรียนเกิน 1,000 คน ส่วนอธิการบดีไม่สามารถนำหลักฐานการลงทะเบียน นศ.มายืนยันได้ อ้างไม่ได้เก็บและเผาไปแล้ว
วันนี้ (25เม.ย.)นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีการซื้อขาย ป.บัณฑิต วิชาชีพครู ว่า เรื่องนี้เราจะต้องถอนรากถอนโคน ซึ่งมีปัญหาการซื้อขายมากในภาคอีสาน ซึ่งตนได้ส่ง นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา ลงพื้นที่ไปในพื้นก่อน พร้อมบอกว่าไม่ต้องกลัว ถูกยิงก็ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้เราจะถอนรากถอนโคน ส่วนที่มีข่าวว่า บอร์ดคนหนึ่งสั่งให้หยุด จึงขอถามว่า บอร์ดคนไหนจะใหญ่กว่ารัฐมนตรี เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง ตนไม่กลัวชนตอ เพราะได้ทำสิ่งที่เป็นหัวใจคุณภาพการศึกษา หากเป้าหลอมของครูออกมาไม่ดี แล้วจะผลิตนักเรียนให้ดีได้อย่างไร เรื่องนี้จะไม่หยุดและต้องเดินหน้าต่อไป
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) นายองค์กร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คุรุสภาเขตพื้นที่การศึกษา ได้ลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งคุรุสภาได้รับข้อมูลมาว่า มหาวิทยาลัยดังกล่าวนี้ ได้แจ้งว่า ส่งนักศึกษาเพื่อไปฝึกสอนจำนวน 34 ราย โดยได้ประสานขอข้อมูลจากผู้อำนวยการโรงเรียน ขณะนี้กำลังรอรายงานผลยืนยันข้อเท็จจริงจากทางโรงเรียนว่ามีนักศึกษาฝึกสอนจริงทั้ง 34 รายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้แถลงข่าวพรุ่งนี้ (26 เม.ย.)
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม นายองค์กร ถึงกรณีที่ถูกขู่ฆ่า นายองค์กร ก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า ยังไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องขู่ฆ่า โดยตนเชื่อว่า ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขาทำผิดและรู้ตัวเองว่าผิดรึเปล่าจะมาโกรธตนไม่ได้ ตนยึดความถูกต้อง และเมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) มหาวิทยาลัยเอกชนภาคอีสาน ได้ส่งหนังสือถึงตน ขอยกเลิกออกใบ ป.บัณฑิต แก่นักศึกษากว่า 1,300 คน เมื่อมหาวิทยาลัยแสดงความจำนงอย่างนั้น ตนก็จะปฏิบัติต่อไปแต่คงจะเป็นปัญหาระหว่างนักศึกษากับมหาวิทยาลัย
ขณะที่นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) และรับฟังข้อสรุปจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กรณีมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซื้อขายใบประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) วิชาชีพครู ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นของ สกอ.และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา พบว่า มหาวิทยาลัยดังกล่าวมีการเสนอขอเปิดสอนหลักสูตร ป.บัณฑิต เพียง 100 คนต่อปี แต่พบว่ามีเด็กเข้าเรียนเกินกว่า 1,000 คน โดยในปีการศึกษา 2553 ที่ผ่านมา มีเด็กจบหลักสูตรนี้ถึง 2,377 คน เมื่อเข้าไปตรวจสอบระบบการเงินและระบบการลงทะเบียนของนักศึกษากลับเป็นการดำเนินการโดยไม่ได้มาตรฐาน และอธิการบดีก็ไม่สามารถนำหลักฐานการลงทะเบียนของนักศึกษามาแสดงต่อคณะกรรมการสอบสวนได้ โดยอ้างว่า ไม่ได้เก็บไว้และเผาไปแล้ว รวมถึงรหัสประจำตัวนักศึกษามีเลขที่ซ้ำกันหลายคน
รมช.ศธ.กล่าวอีกว่า การจัดการเรียนการสอนก็ไม่ได้มาตรฐาน มีอาจารย์ประจำหลักสูตรไม่ครบตามเกณฑ์ที่ สกอ.กำหนด คือ จะต้องมีผู้รับผิดชอบหลักสูตร 5 คน และมีอาจารย์ประจำหลักสูตร 3 คนที่มีวุฒิระดับปริญญาเอก หรือมีตำแหน่งทางวิชาการระดับรองศาสตราจารย์ (รศ.) ขึ้นไป และพบว่า มหาวิทยาลัยดังกล่าวเปิดศูนย์การเรียนการสอนนอกสถานที่ตั้งเกินกว่าที่ขออนุญาตไว้ คือ ขอเปิดทั้งหมด 4 แห่ง แต่เปิดสอนมากกว่า 10 แห่ง ขณะที่จากตรวจสอบโรงเรียนที่มหาวิทยาลัยอ้างว่าได้ส่งนักศึกษาไปฝึกสอน 54 โรงเรียน พบว่า มี 23 แห่ง แจ้งว่า ไม่มีนักศึกษาหลักสูตร ป.บัณฑิต ของมหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าวมาฝึกปฏิบัติการสอนตามที่กล่าวอ้าง
นายไชยยศ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า คดีมีมูลมากพอที่คณะกรรมการสอบฯจะใช้ในการตัดสิน และเสนอให้ตนพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เช่น การตั้งคณะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัย หรือเพิกถอนใบอนุญาต โดยในวันที่ 26 เมษายนนี้ ตนจะแถลงข่าวผลการสอบสวนทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนการขยายผลการตรวจสอบการซื้อขาย ป.บัณฑิต ไปยังมหาวิทยาลัยที่ผลิต ป.บัณฑิต มากกว่า 1,000 คนต่อปี ตนจะทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอให้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สำรวจจำนวนโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศที่รับฝึกสอนนักศึกษาว่ามีทั้งหมดกี่โรงเรียน เพื่อขอรายชื่อนักศึกษาทั้งหมดมาตรวจสอบต่อไป