“นิพิฏฐ์” เร่งหารือกระทรวงคมนาคม การบินไทย กรมการบินพลเรือน หาทางแก้รันเวย์นราธิวาส มีความยาวไม่เพียงพอให้เครื่องบินแอร์บัสลงบิน เพื่อขนส่งผู้แสวงบุญฮัจญ์ไปซาอุฯ ขณะที่คณะกรรมการฮัจญ์เสนอให้ลดขนาดเครื่องบิน และเพิ่มเที่ยวบิน พร้อมเร่งสอบสวน 7 บริษัทที่กระทำผิดจนทำให้เกิดปัญหาซ้ำซาก
วันนี้ (21 เม.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3/2554 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลสรุปยอดรวมการลงทะเบียนของผู้ประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2554 ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.-5 เม.ย.2554 พบว่า มีบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจย์จำนวน 93 บริษัท มีผู้แสวงบุญรวม 24,429 คน โดยกรมการศาสนา (ศน.) จะตรวจสอบเอกสาร และจะต้องรอให้ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ ทั้ง 93 ราย นำเงินประกันการเดินทางงวดที่ 2 จำนวน 38,000 บาทต่อคน มาชำระให้ครบ 50,000 บาท ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ก่อน หลังจากได้ชำระเงินงวดแรกแล้ว จำนวน 12,000 บาท จากนั้น จะมีการจัดสรรโควตาให้เหลือ 13,000 ราย ส่วนจำนวนที่เหลือจากการจัดสรรอีก 11,429 คน จะนำไปขึ้นทะเบียนเพื่อรอรับการจัดสรรโควตาเพิ่มเติมในปี 2555 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบจัดสรรโควตาพิเศษให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จำนวน 200 คน จากที่ยื่นขอมา 204 คน โดยได้กำชับว่าต้องปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการฮัจญ์ อย่างเคร่งครัด ในส่วนที่ ศน.ได้ขอโควตาผู้แสวงบุญเพิ่มอีก 2,000 คน นั้น ทางการซาอุดีอาระเบียยังไม่มีการแจ้งผลการพิจารณามายัง ศน.
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการแก้ปัญหาการขนส่งผู้แสวงบุญ ผ่านทางท่าอากาศยานนราธิวาส เนื่องจากได้รับแจ้งจากบริษัท การบินไทย ว่า ความยาวของรันเวย์สนามบินท่าอากาศยานนราธิวาส มีความยาวเพียง 2,500 เมตร ทำให้ไม่สามารถรองรับเครื่องบิน แอร์บัส เอ 300-300 สำหรับขนส่งผู้แสวงบุญจำนวน 300 ราย ไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ เพราะในการบินของเครื่องบินแอร์บัส เอ 300-300 ต้องใช้รันเวย์ที่มีความยาวถึง 2,650 เมตร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ ดังนั้น วธ.จึงเร่งขอหารือกับกระทรวงคมนาคม และบริษัท การบินไทย ภายในเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่า การก่อสร้างเพิ่มเติมคงจะไม่ทันต่อการเดินทางในปีนี้ ในเบื้องต้นจึงเห็นว่า อาจจะต้องมีการลดขนาดเครื่องบินเป็นรุ่น เอ 330-600 ซึ่งบรรจุผู้โดยสารได้ 250 คน แทน และต้องเพิ่มเที่ยวบินเป็นวันละ 3 เที่ยวบิน จากวันละ 2 เที่ยว นอกจากนี้ จะต้องให้กระทรวงคมนาคม ทำเรื่องชี้แจงต่อสาเหตุของความผิดพลาดดังกล่าว เนื่องจากพบว่าเมื่อประมาณ ปี 2551 รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้อนุมัติงบประมาณให้กรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม ต่อเติมความยาวของรันเวย์ ให้เพียงพอต่อการบินของเครื่องบินแอร์บัสแล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหาขึ้นอีก
รมว.วธ.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งอนุกรรมการคัดเลือกผู้แทนฮัจย์ เพื่อสรรหาคณะผู้แทนฮัจญ์ฝ่ายไทย หรือ “เบี๊ยะซะห์” จำนวน 130 คน เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งที่ผ่านมาการคัดเลือกทำอย่างไม่เป็นระบบ ไม่มีการจัดระเบียบ และไม่มีการปฐมนิเทศให้ความรู้ก่อนการเดินทาง ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการดูแลผู้แสวงบุญ โดยในปีนี้ จะต้องเพิ่มการอบรมให้ความรู้แก่ คณะผู้แทนฮัจญ์ฝ่ายไทยทั้ง 130 คน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปแสวงบุญ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ดำเนินการสอบสวน 7 บริษัท ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ที่เข้าข่ายการกระทำความผิด ในปี 2553 ซึ่งหลายบริษัทได้ทำผิดกฎโดยจัดหาสายการบินแบบเหมาลำมาบิน รับเงินผู้แสวงบุญแล้วไม่นำมาลงทะเบียน รวมทั้งไม่ยอมเช่าที่พักให้ผู้แสวงบุญ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะมีการประชุมสรุปผลการลงโทษกับบริษัทที่กระทำผิดทั้งหมดต่อไป
วันนี้ (21 เม.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3/2554 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลสรุปยอดรวมการลงทะเบียนของผู้ประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2554 ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.-5 เม.ย.2554 พบว่า มีบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจย์จำนวน 93 บริษัท มีผู้แสวงบุญรวม 24,429 คน โดยกรมการศาสนา (ศน.) จะตรวจสอบเอกสาร และจะต้องรอให้ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ ทั้ง 93 ราย นำเงินประกันการเดินทางงวดที่ 2 จำนวน 38,000 บาทต่อคน มาชำระให้ครบ 50,000 บาท ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ก่อน หลังจากได้ชำระเงินงวดแรกแล้ว จำนวน 12,000 บาท จากนั้น จะมีการจัดสรรโควตาให้เหลือ 13,000 ราย ส่วนจำนวนที่เหลือจากการจัดสรรอีก 11,429 คน จะนำไปขึ้นทะเบียนเพื่อรอรับการจัดสรรโควตาเพิ่มเติมในปี 2555 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบจัดสรรโควตาพิเศษให้กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จำนวน 200 คน จากที่ยื่นขอมา 204 คน โดยได้กำชับว่าต้องปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการฮัจญ์ อย่างเคร่งครัด ในส่วนที่ ศน.ได้ขอโควตาผู้แสวงบุญเพิ่มอีก 2,000 คน นั้น ทางการซาอุดีอาระเบียยังไม่มีการแจ้งผลการพิจารณามายัง ศน.
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการแก้ปัญหาการขนส่งผู้แสวงบุญ ผ่านทางท่าอากาศยานนราธิวาส เนื่องจากได้รับแจ้งจากบริษัท การบินไทย ว่า ความยาวของรันเวย์สนามบินท่าอากาศยานนราธิวาส มีความยาวเพียง 2,500 เมตร ทำให้ไม่สามารถรองรับเครื่องบิน แอร์บัส เอ 300-300 สำหรับขนส่งผู้แสวงบุญจำนวน 300 ราย ไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ เพราะในการบินของเครื่องบินแอร์บัส เอ 300-300 ต้องใช้รันเวย์ที่มีความยาวถึง 2,650 เมตร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ ดังนั้น วธ.จึงเร่งขอหารือกับกระทรวงคมนาคม และบริษัท การบินไทย ภายในเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นว่า การก่อสร้างเพิ่มเติมคงจะไม่ทันต่อการเดินทางในปีนี้ ในเบื้องต้นจึงเห็นว่า อาจจะต้องมีการลดขนาดเครื่องบินเป็นรุ่น เอ 330-600 ซึ่งบรรจุผู้โดยสารได้ 250 คน แทน และต้องเพิ่มเที่ยวบินเป็นวันละ 3 เที่ยวบิน จากวันละ 2 เที่ยว นอกจากนี้ จะต้องให้กระทรวงคมนาคม ทำเรื่องชี้แจงต่อสาเหตุของความผิดพลาดดังกล่าว เนื่องจากพบว่าเมื่อประมาณ ปี 2551 รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้อนุมัติงบประมาณให้กรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม ต่อเติมความยาวของรันเวย์ ให้เพียงพอต่อการบินของเครื่องบินแอร์บัสแล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหาขึ้นอีก
รมว.วธ.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งอนุกรรมการคัดเลือกผู้แทนฮัจย์ เพื่อสรรหาคณะผู้แทนฮัจญ์ฝ่ายไทย หรือ “เบี๊ยะซะห์” จำนวน 130 คน เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งที่ผ่านมาการคัดเลือกทำอย่างไม่เป็นระบบ ไม่มีการจัดระเบียบ และไม่มีการปฐมนิเทศให้ความรู้ก่อนการเดินทาง ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการดูแลผู้แสวงบุญ โดยในปีนี้ จะต้องเพิ่มการอบรมให้ความรู้แก่ คณะผู้แทนฮัจญ์ฝ่ายไทยทั้ง 130 คน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปแสวงบุญ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ดำเนินการสอบสวน 7 บริษัท ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ที่เข้าข่ายการกระทำความผิด ในปี 2553 ซึ่งหลายบริษัทได้ทำผิดกฎโดยจัดหาสายการบินแบบเหมาลำมาบิน รับเงินผู้แสวงบุญแล้วไม่นำมาลงทะเบียน รวมทั้งไม่ยอมเช่าที่พักให้ผู้แสวงบุญ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะมีการประชุมสรุปผลการลงโทษกับบริษัทที่กระทำผิดทั้งหมดต่อไป
