xs
xsm
sm
md
lg

สธ.จับมือ “กองทุนประชากรสหประชาชาติ” เดินหน้าแผนงานสาธารณสุข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์ รมว.สธ.
“จุรินทร์” เผย สาธารณสุขไทย จับมือกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ นำเอาประชากรศาสตร์ เป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา และวางแผนพัฒนางานด้านสาธารณสุข

วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ห้องประชุมรัฐสภา กทม.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า นายนาจิบบุลเลาะห์ อัสซิฟิ (Mr.Najib Assifi) ผู้แทนกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ประจำประเทศไทย และรองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เข้าพบหารือร่วมกันในการเดินหน้าแผนงานความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติต่อไปในอนาคต โดยจะทำแผน 5 ปี เริ่มเดินหน้าตั้งแต่ พ.ศ.2555

โดยขอบเขตความร่วมมือ มีหลายเรื่อง เช่น 1.งานอนามัยแม่และเด็ก เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และเป็นหนึ่งหัวข้อสำคัญของโครงการปฏิรูปประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดโครงการในวันที่ 23 เมษายน 2554 นี้ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการดำเนินงานเรื่องนี้มาต่อเนื่อง และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบพระราชบัญญัติการอนามัยเจริญพันธุ์ รวมทั้งให้ความสนใจกรณีเด็กหญิงแม่ โดยการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการคลอดของผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 13 ใน พ.ศ.2548 เป็นร้อยละ 16 ในปี พ.ศ.2553 และพระราชบัญญัติการอนามัยเจริญพันธุ์ ระบุชัดเจนให้นักเรียนที่ตั้งครรภ์สามารถเรียนต่อได้

นอกจากนี้ จะได้ร่วมกันจัดบริการคลินิกที่เป็นมิตรกับวัยรุ่นในโรงพยาบาลของในกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง รวมทั้งเสนอแนะให้กระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มพัฒนาครูผู้สอนหลักสูตรเพศศึกษา และให้พัฒนาหลักสูตรเพศศึกษาอย่างรอบด้าน 2.ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว เป็นอีกกลุ่มคนที่กองทุนประชากรต้องการเข้าถึง ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายจัดตั้งอาสาสมัครสาธารณสุขแรงงานต่างด้าวขึ้น ในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่ เช่น ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งงานของกองทุนประชากร สามารถส่งผ่านทาง อสม.แรงงานต่างด้าวได้

3.ด้านโรคเอดส์ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 เม.ย) ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติให้จ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ให้แก่ผู้ติดเชื้อที่มี ซีดีโฟร์ ต่ำกว่า 350 โดยมีรายละเอียดในการให้ผู้ติดเชื้อที่มีข้อบ่งชี้ต่างๆ 4.ในกลุ่มผู้สูงอายุ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดช่องทางพิเศษในโรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากนี้ รัฐบาลได้จ่ายเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาทต่อเดือนต่อคน แล้วในอนาคตรัฐบาลจะจัดทำพระราชบัญญัติบำนาญประชาชน ภายใต้พระราชบัญญัติการออมแห่งชาติ

ทั้งนี้ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์ในแง่ของการนำเอาประชากรศาสตร์ มาเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหาและวางแผนพัฒนาทุกๆ ด้าน รวมทั้งด้านสาธารณสุขด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น