ตรวจพบหมอกควันที่เชียงใหม่-เชียงราย สูงเกินมาตรฐาน สธ.สั่งภูมิภาคเฝ้าระวัง หวั่นทำประชาชนป่วยระบบทางเดินหายใจ ระบุเสี่ยงเกิดโรคหอบได้มากกว่า 20% ของช่วงปกติ ช่วงหยุดยาวสงกรานต์จราจรติดขัดอากาศยิ่งแย่ ระวังสุขภาพ
นพ.พิบูล อิสสระพันธุ์ รองผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมควบคุมมลพิษได้รายงานสถานการณ์ของหมอกควันใน จ.เชียงใหม่ ว่ามีคุณภาพอากาศที่สูงเกินมาตรฐาน คือ มีปริมาณ 113 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากมาตรฐานระบุไว้ว่าไม่ควรเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ อ.แม่สอด จ.เชียงราย พบว่า สูงประมาณ 100-102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งกรมควบคุมมลพิษยังคงทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังปัญหาอย่างต่อเนื่อง
นพ.พิบูลกล่าวต่อว่า ขณะนี้พื้นที่ๆต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ โซนภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน น่านและแพร่ โดยสาเหตุของการเกิดหมอกควันนั้น ยังคงอยู่ที่ปัญหาการเผาป่าทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน และปัญหาการปล่อยควันพิษจากรถยนต์ซึ่งปัจจุบันมีการจราจรที่แออัดมากขึ้น โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ แต่เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศแปรปรวน จึงทำให้สถานการณ์ไม่นิ่ง บางวันพบคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานบางวันก็ต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะมีฝนตกมาช่วยบรรเทา แต่ยังไม่น่าไว้ใจมากนัก เพราะช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.นั้นจะพบว่าประชาชนในในพื้นที่ภาคเหนือจะมีปัญหาสุขภาพด้านโรคระบบทางเดินหายใจสูงกว่าปกติ เช่น โรคหอบหืด ในเด็กอายุ 0-5 ปี และผู้สูงอายุในวัย 65 ปีขึ้นไป เพราะคนกลุ่มนี้มีภูมิต้านทานน้อย ช่วงที่เผชิญปัญหาหมอกควัน จึงเสี่ยงเกิดโรคหอบได้มากกว่า 20% ของช่วงปกติ ที่น่าเป็นห่วงมากสุด คือ กลุ่มที่เป็นโรคภูมิแพ้ กลุ่มนี้ก็เสี่ยงป่วยซ้ำซ้อน เช่น อาจเกิดทั้งปัญหาระบบทางเดินหายใจ และผื่นคันทางผิวหนัง
“อย่างไรก็ตาม ทางกรมควบคุมโรคได้ประสานกับพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ให้มีการรายงานสถานการณ์ป่วยของประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ง่ายต่อการเตรียมแผนเฝ้าระวัง โดยขณะนี้กรมควบคุมโรคได้ติดตามการประกาศสถานการณ์หมอกควันจากกรมควบคุมมลพิษราวสัปดาห์ละครั้ง เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงวันหยุดยาว การจราจรก็ต้องแน่นหนากว่าเดิม เป็นไปได้ว่าสภาพอากาศจะแย่ลง ฉะนั้นให้ระมัดระวังสุขภาพด้วย” นพ.พิบูลกล่าว
