“ชินวรณ์” ลั่นส่ง DSI ฟันมหา’ลัยขายใบปริญญาเก๋ ขู่ถอนรากถอนโคนให้หมดจากระบบการศึกษาไทย ด้าน สกอ.เตรียมตั้งทีมตรวจสอบข้อเท็จจริง ยันทั้งโทษอาญา-วินัย ขณะที่ คุรุสภา สั่งระงับการออกตั๋วครู บัณฑิตครูจากมหา’ลัยเจ้าปัญหาทันที สาวย้อนหลังหากได้มาไม่ถูกต้องพร้อมเพิกถอน
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และให้กำลังใจผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตฯ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ยื่นขอจะนำใบอนุญาตฯ ไปใช้ในการสมัครเพื่อรับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดย นายชินวรณ์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยม ว่า ตนมาให้กำลังใจผู้สมัครในฐานะที่จะเป็นครูรุ่นใหม่ ซึ่งอาชีพครูถือเป็นวิชาชีพที่มีมาตรฐานวิชาชีพในระดับสูง จึงอยากให้ทุกคนภาคภูมิใจ และมั่นใจว่า กระบวนการในการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นครูผู้ช่วยในปีนี้ จะมีความโปร่งใสและยุติธรรม ซึ่งตนขอย้ำว่าผู้สมัครสอบไม่ต้องไปวิ่งเต้นหาใคร เพราะจะไม่มีใครช่วยได้เป็นอันขาด
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่คุรุสภาตรวจสอบ พบว่า มีมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งขายประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) นั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อคุณภาพการศึกษา และทำลายความเชื่อมั่นของการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา รวมถึงทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การถอนรากถอนโคนการซื้อขายปริญญาให้หมดสิ้นไปจากระบบการศึกษาของไทย ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เลขาธิการคุรุสภาส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ตรวจสอบ และส่งไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อดำเนินการสอบสวนอย่างครบวงจร รวมถึงตนจะทำหนังสือประสานไปยังกระทรวงยุติธรรม ให้ติดตามเรื่องนี้ในเชิงนโยบายต่อไป อย่างไรก็ตาม ใครก็ตามที่คิดจะดำเนินการขายปริญญา หรือประกาศนียบัตร ตนขอให้หยุดการกระทำตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มิเช่นนั้นตนจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งหลังจากได้มอบอำนาจจาก รมว.ศธ.ก็จะทำให้การสอบสวนสามารถล็อกข้อมูลจากมหาวิทยาลัยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ในส่วนการลงโทษนั้นเป็น 2 ส่วน คือ โทษทางอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารอันเป็นเท็จ และนำมาหาประโยชน์ในทางมิอันควร และโทษทางวินัย ซึ่ง รมว.ศธ.จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฐานความผิดว่าใครเป็นกระทำ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดนั้น เพราะหากมหาวิทยาลัย หรือผู้บริหารเป็นผู้กระทำความผิด สภามหาวิทยาลัยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้น ต้องรอดูว่าจะสามารถสาวไปถึงบุคคลใดได้บ้าง
นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่อยู่ๆ คุรุสภาจะลุกขึ้นมาดำเนินการในทันที แต่เนื่องจากได้มีการร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ จึงได้เพ่งเล็งไปที่มหาวิทยาลัยที่มีการผลิตหลักสูตร ป.บัณฑิต เป็นจำนวนมาก โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้หรือ ที่แต่ละสถาบันจะผลิตบัณฑิตหลักสูตรนี้ปีละเป็นพันคน เนื่องจากหลักสูตร ป.บัณฑิตนอกจากเรียนทฤษฎีแล้วยังต้องออกฝึกปฏิบัติการสอนด้วย หากเป็นเช่นนี้นักศึกษาจำนวนนับพันคนจะไปฝึกปฏิบัติการสอนที่โรงเรียนใดได้ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ดังนั้น ทางคุรุสภาจึงได้ประสานไปยังมหาวิทยาลัย เพื่อให้ส่งรายชื่อของบัณฑิต และสถานที่ไปฝึกปฏิบัติการสอนกลับเข้ามา เพื่อตรวจสอบย้อนกลับไปที่โรงเรียน แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังไม่ส่งรายชื่อยืนยันกลับมาที่คุรุสภา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้สั่งให้ระงับการออกใบอนุญาตฯ ให้แก่ผู้ที่จบหลักสูตร ป.บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไว้ก่อน ส่วนผู้ที่ได้รับใบอนุญาตฯ ไปก่อนหน้าก็จะมีการติดตามตรวจสอบย้อนหลังกลับไป หากพบว่าได้มาด้วยการซื้อก็จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตฯ เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากบัณฑิตคนใดคิดว่าได้ใบประกาศนียบัตรมาโดยไม่ถูกต้อง ก็ขอให้เข้ามาแจ้งต่อคุรุสภา ซึ่งคุรุสภาจะกันไว้เป็นพยาน และจะประสานมหาวิทยาลัยเพื่อคืนค่าใช้จ่ายที่ได้เสียไปในการซื้อใบประกาศนียบัตรให้ด้วย
“จากการตรวจสอบในเบื้องต้นมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ขออนุญาตจัดการเรียนการสอนในที่ตั้งแต่เท่าที่ตรวจสอบกลับพบว่ามีการแอบไปจัดตั้งศูนย์จัดการเรียนการสอนในต่างจังหวัด เช่น ที่ จ.ชลบุรี และ จ.น่าน จึงทำให้มีจำนวนนักศึกษาที่จะสำเร็จการศึกษามากถึง 1,700 คน จากที่คาดการณ์ไว้ในครั้งแรกเพียง 1,000 คน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีมหาวิทยาลัยที่เข้าข่ายในลักษณะเดียวกันอีกประมาณ 3-4 แห่ง เพราะมีตัวเลขของนักศึกษาที่จบการศึกษาจำนวนมาก ดังนั้น คุรุสภาจะเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้ ยอมรับว่า ไม่ค่อยมั่นใจ และกลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นมวยล้ม เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องจนในที่สุดเรื่องก็จะเงียบหายไป แต่ในเบื้องต้นนี้ก็คงต้องเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยในส่วนของคุรุสภาเองแม้ว่าจะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแล้ว ก็จะดำเนินการติดตามตรวจสอบเป็นคู่ขนานกันไป และคิดว่าหลักฐานที่เรามีอยู่จะสาวถึงผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างแน่นอน” เลขาธิการ คุรุสภา กล่าว
นอกจากนี้ นายชินวรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง กรณีคุ้มครองชั่วคราวให้ น.ส.จงจิตต์ ใจโต ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านสันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งยื่นสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วย แต่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 ปฏิเสธการรับสมัครเนื่องจากขาดคุณสมบัตินั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลนั้น ในกรณีนี้เป็นบุคคลที่มีใบอนุญาตฯ อยู่แล้ว แต่อยู่ในกระบวนการที่ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตฯ ไม่ใช่กลุ่มที่ยื่นขอใบอนุญาตฯใหม่