ม.ศรีปทุม ยันไม่ได้เปิดศูนย์การเรียนการสอนที่บุรีรัมย์ หรือที่จังหวัดอื่นใด ตามที่มีแก๊งหลอกเอาเงินค่าเล่าเรียนเหยื่อ เผย ตำรวจได้ออกหมายจับผู้แอบอ้างแล้ว เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ย้ำ ม.ศรีปทุม เปิดที่บางเขน วิทยาเขตชลบุรี และ วิทยาคารพญาไท เท่านั้น
วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม นายกุศล สังขนันท์ ผู้ช่วยอธิการบดีด้านบริหารและกฎหมาย มหาวิทยาลัยศรีปทุม และ ผศ.ดร.วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมแถลงถึงกรณีนายไพฑูรย์ แก้วพะเนาว์ กรรมการเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) บุรีรัมย์ เขต 3 และรองผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ หลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อและสมัครเข้าศึกษาต่อ โดยคิดว่าเป็นการจัดการเรียนการสอนนอกสถานที่ของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และ ทำการปลอมแปลงหลักฐาน เอกสารต่างๆ เช่น เอกสารการสมัครเรียน ใบเสร็จรับเงิน
นายกุศล กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ว่าได้ทำการสมัครเข้าศึกษา ที่ศูนย์บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดสอนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีการเปิดรับสมัครใน 3 หลักสูตร คือ รัฐประศาสนศาตร์ ศึกษาศาสตร์ปฐมวัย และพัฒนาชุมชน โดยเรียกเก็บเงินค่าสมัครและค่าหลักสูตรรายละประมาณ 7,000-8,000 บาท ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อไปสมัครจำนวนกว่า 30 ราย และเข้าเรียนไปได้เพียง 2 ครั้งกลับยกเลิกการเรียนการสอนโดยอ้างว่าจำนวนผู้สมัครเรียนไม่ครบจำนวน 40 คนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดเมื่อขอคืนเงินก็ไม่ยอมคืนให้จึงเข้าแจ้งความ และสอบถามมายังมหาวิทยาลัยศรีปทุม
นายกุศล กล่าวว่า หลังทราบเรื่องดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงมอบหมายให้ นิติกรของมหาวิทยาลัย แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้แอบอ้างชื่อ โดยเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้ออกหมายจับนายไพฑูรย์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นรายแรกที่พบว่ามีการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยศรีปทุม ไปหลอกลวง ซึ่งจะได้ติดตามตรวจสอบต่อไป ว่า มีผู้ร่วมขบวนการ หรือมีรายอื่นที่หลอกลวงในลักษณะเดียวกันอีกหรือไม่เ พื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ด้าน ผศ.ดร.วิรัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงและมีผลกระทบการศึกษา ผู้ปกครอง และตัวนักเรียน อาจตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไปหลอกลวงประชาชน จึงจำเป็นต้องแจ้งให้พ่อแม่ผู้ปกครองและนักเรียน ที่กำลังจะสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ควรตรวจสอบข้อมูลของสถาบันการศึกษาให้ชัดเจนก่อนการสมัครเข้าเรียน โดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม ไม่ได้เปิดศูนย์การเรียนการสอนที่จังหวัดบุรีรัมย์ หรือที่จังหวัดอื่นใด นอกจากที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน วิทยาเขตชลบุรี และวิทยาคารพญาไท เท่านั้น หากมีผู้ใดกลุ่มคนใดแอบอ้างว่าเป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยไปจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งจึงถือว่าเป็นการหลอกลวง ทั้งสิ้น
“ที่ผ่านมา ได้มีผู้ที่ติดต่อมายังมหาวิทยาลัยศรีปทุม ในหลายรูปแบบเพื่อให้ไปเปิดศูนย์การเรียนการสอนในพื้นที่หลายจังหวัด แต่มหาวิทยาลัยได้ปฏิเสธข้อเสนอในเรื่องการเปิดศูนย์การเรียนการสอนนอกสถานที่ตั้งเหล่านั้นทั้งหมด เนื่องจากมหาวิทยาลัยคำนึงถึงคุณภาพ และมาตรฐานของการเรียนการสอนเป็นหลัก” ผศ.ดร.วิรัช กล่าว
วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม นายกุศล สังขนันท์ ผู้ช่วยอธิการบดีด้านบริหารและกฎหมาย มหาวิทยาลัยศรีปทุม และ ผศ.ดร.วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมแถลงถึงกรณีนายไพฑูรย์ แก้วพะเนาว์ กรรมการเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) บุรีรัมย์ เขต 3 และรองผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ หลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อและสมัครเข้าศึกษาต่อ โดยคิดว่าเป็นการจัดการเรียนการสอนนอกสถานที่ของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และ ทำการปลอมแปลงหลักฐาน เอกสารต่างๆ เช่น เอกสารการสมัครเรียน ใบเสร็จรับเงิน
นายกุศล กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ว่าได้ทำการสมัครเข้าศึกษา ที่ศูนย์บุรีรัมย์ ซึ่งเปิดสอนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีการเปิดรับสมัครใน 3 หลักสูตร คือ รัฐประศาสนศาตร์ ศึกษาศาสตร์ปฐมวัย และพัฒนาชุมชน โดยเรียกเก็บเงินค่าสมัครและค่าหลักสูตรรายละประมาณ 7,000-8,000 บาท ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อไปสมัครจำนวนกว่า 30 ราย และเข้าเรียนไปได้เพียง 2 ครั้งกลับยกเลิกการเรียนการสอนโดยอ้างว่าจำนวนผู้สมัครเรียนไม่ครบจำนวน 40 คนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดเมื่อขอคืนเงินก็ไม่ยอมคืนให้จึงเข้าแจ้งความ และสอบถามมายังมหาวิทยาลัยศรีปทุม
นายกุศล กล่าวว่า หลังทราบเรื่องดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยศรีปทุม จึงมอบหมายให้ นิติกรของมหาวิทยาลัย แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้แอบอ้างชื่อ โดยเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้ออกหมายจับนายไพฑูรย์ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นรายแรกที่พบว่ามีการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยศรีปทุม ไปหลอกลวง ซึ่งจะได้ติดตามตรวจสอบต่อไป ว่า มีผู้ร่วมขบวนการ หรือมีรายอื่นที่หลอกลวงในลักษณะเดียวกันอีกหรือไม่เ พื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ด้าน ผศ.ดร.วิรัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงและมีผลกระทบการศึกษา ผู้ปกครอง และตัวนักเรียน อาจตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไปหลอกลวงประชาชน จึงจำเป็นต้องแจ้งให้พ่อแม่ผู้ปกครองและนักเรียน ที่กำลังจะสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ควรตรวจสอบข้อมูลของสถาบันการศึกษาให้ชัดเจนก่อนการสมัครเข้าเรียน โดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม ไม่ได้เปิดศูนย์การเรียนการสอนที่จังหวัดบุรีรัมย์ หรือที่จังหวัดอื่นใด นอกจากที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน วิทยาเขตชลบุรี และวิทยาคารพญาไท เท่านั้น หากมีผู้ใดกลุ่มคนใดแอบอ้างว่าเป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยไปจัดการศึกษานอกสถานที่ตั้งจึงถือว่าเป็นการหลอกลวง ทั้งสิ้น
“ที่ผ่านมา ได้มีผู้ที่ติดต่อมายังมหาวิทยาลัยศรีปทุม ในหลายรูปแบบเพื่อให้ไปเปิดศูนย์การเรียนการสอนในพื้นที่หลายจังหวัด แต่มหาวิทยาลัยได้ปฏิเสธข้อเสนอในเรื่องการเปิดศูนย์การเรียนการสอนนอกสถานที่ตั้งเหล่านั้นทั้งหมด เนื่องจากมหาวิทยาลัยคำนึงถึงคุณภาพ และมาตรฐานของการเรียนการสอนเป็นหลัก” ผศ.ดร.วิรัช กล่าว