“ชินวรณ์” ปัด ศธ.ไม่ได้สั่งการให้ใส่เนื้อหาแดงเผาเมืองในตำราเรียน ม.3 แต่กระบวนการเรียนการสอนเสริมให้เด็กรู้เท่าทันสถานการณ์ แนะ “เหวง” ยอมรับความจริง อย่ายึดติดแต่กรอบความคิดตัวเอง แนะคนเสื้อแดงทบทวนเปิดหลักสูตรโรงเรียนประชาธิปไตย ชี้ ไม่ควรปลูกฝังลัทธิให้เด็ก หรือการสร้างความขัดแย้งในสังคม ด้าน สพฐ.ยันยึดหลักสูตรแกนกลาง สั่งตรวจสอบเนื้อหา
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณี นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่พอใจที่พบหนังสือเสริมการพัฒนาผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชั้น ม.3 มีเนื้อหาเขียนถึงกลุ่ม นปช.เผาบ้านเผาเมืองว่า ศธ.ไม่ได้สั่งการให้มีการเปลี่ยนหลักสูตร หรือเพิ่มเนื้อหาดังกล่าวเข้าไป แต่เป็นกระบวนการเรียนการสอนในปัจจุบันที่จะต้องเสริมความรู้นักเรียนให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่เรื่องกลุ่มคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง ยังรวมไปถึงภัยพิบัติ น้ำท่วม สึนามิ ด้วย
“นักเรียนยังสามารถตรวจสอบเทียบเคียงข้อมูลข้อเท็จจริงได้จากอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ดังนั้น นพ.เหวง ควรจะยอมรับในสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากกว่าการยึดติดอยู่กับกรอบความคิดของตน” นายชินวรณ์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงควรจะทบทวนการเปิดหลักสูตรโรงเรียนประชาธิปไตยตามแนวคิดของคนเสื้อแดง เพราะการเปิดการเรียนการสอนใดๆ ไม่ควรนำไปสู่การปลูกฝังลัทธิให้เด็กหรือการสร้างความขัดแย้งในสังคม
ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบแล้ว และพบว่าหลักสูตรดังกล่าวไม่ใช่ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่เป็นของกลุ่มโรงเรียนเอกชนที่จัดทำขึ้น โดย สพฐ.เองไม่มีนโยบายที่จะให้ไปปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างแน่นอน ซึ่งทุกโรงเรียนจะต้องยึดการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ส่วนในชั้นเรียนครูผู้สอนจะสอดแทรกเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าไปด้วยหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของครูผู้สอนเองที่จะประยุกต์ความรู้ใหม่ๆ ให้เด็กได้เรียนรู้ ทั้งนี้ สพฐ.มีหน้าที่ตรวจสอบเพียงแบบเรียนของแต่ละสำนักพิมพ์ที่จัดทำขึ้นเท่านั้น ส่วนแบบเรียนเสริมการเรียนรู้ทางโรงเรียนสามารถจัดหามาสอนเองได้ ซึ่งตนมองว่า เนื้อหาในหนังสือคงจะตีความหมายได้หลากหลาย ดังนั้น จึงต้องดูบริบททั้งหมดของหนังสือเรียนว่ามีการบิดเบือนจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของ สพฐ.ไปนำหนังสือเสริมการเรียนรู้ดังกล่าวมาตรวจสอบเนื้อหาแล้ว
นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ยังไม่ทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ซึ่งยืนยันว่าหลักสูตรที่ สช.ใช้ในการจัดการเรียนการสอนก็เป็นไปตามหลักสูตรที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยหลักสูตรที่เน้นการสอนวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ไม่ได้เน้นเรื่องความมั่นคงทางการเมือง หรือต้องการยั่วยุส่งเสริมให้ผู้เรียนต้องไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยู่แล้ว
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณี นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่พอใจที่พบหนังสือเสริมการพัฒนาผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชั้น ม.3 มีเนื้อหาเขียนถึงกลุ่ม นปช.เผาบ้านเผาเมืองว่า ศธ.ไม่ได้สั่งการให้มีการเปลี่ยนหลักสูตร หรือเพิ่มเนื้อหาดังกล่าวเข้าไป แต่เป็นกระบวนการเรียนการสอนในปัจจุบันที่จะต้องเสริมความรู้นักเรียนให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่เรื่องกลุ่มคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง ยังรวมไปถึงภัยพิบัติ น้ำท่วม สึนามิ ด้วย
“นักเรียนยังสามารถตรวจสอบเทียบเคียงข้อมูลข้อเท็จจริงได้จากอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ดังนั้น นพ.เหวง ควรจะยอมรับในสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากกว่าการยึดติดอยู่กับกรอบความคิดของตน” นายชินวรณ์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงควรจะทบทวนการเปิดหลักสูตรโรงเรียนประชาธิปไตยตามแนวคิดของคนเสื้อแดง เพราะการเปิดการเรียนการสอนใดๆ ไม่ควรนำไปสู่การปลูกฝังลัทธิให้เด็กหรือการสร้างความขัดแย้งในสังคม
ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบแล้ว และพบว่าหลักสูตรดังกล่าวไม่ใช่ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่เป็นของกลุ่มโรงเรียนเอกชนที่จัดทำขึ้น โดย สพฐ.เองไม่มีนโยบายที่จะให้ไปปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างแน่นอน ซึ่งทุกโรงเรียนจะต้องยึดการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ส่วนในชั้นเรียนครูผู้สอนจะสอดแทรกเหตุการณ์บ้านเมืองเข้าไปด้วยหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของครูผู้สอนเองที่จะประยุกต์ความรู้ใหม่ๆ ให้เด็กได้เรียนรู้ ทั้งนี้ สพฐ.มีหน้าที่ตรวจสอบเพียงแบบเรียนของแต่ละสำนักพิมพ์ที่จัดทำขึ้นเท่านั้น ส่วนแบบเรียนเสริมการเรียนรู้ทางโรงเรียนสามารถจัดหามาสอนเองได้ ซึ่งตนมองว่า เนื้อหาในหนังสือคงจะตีความหมายได้หลากหลาย ดังนั้น จึงต้องดูบริบททั้งหมดของหนังสือเรียนว่ามีการบิดเบือนจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของ สพฐ.ไปนำหนังสือเสริมการเรียนรู้ดังกล่าวมาตรวจสอบเนื้อหาแล้ว
นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ยังไม่ทราบข้อมูลในเรื่องนี้ ซึ่งยืนยันว่าหลักสูตรที่ สช.ใช้ในการจัดการเรียนการสอนก็เป็นไปตามหลักสูตรที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยหลักสูตรที่เน้นการสอนวิชาสังคมและประวัติศาสตร์ไม่ได้เน้นเรื่องความมั่นคงทางการเมือง หรือต้องการยั่วยุส่งเสริมให้ผู้เรียนต้องไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยู่แล้ว
