วธ.ให้ความรู้ผู้ประกอบการร้านเน็ต คาราโอเกะ ด้านกฎหมาย พร้อมเสนอการกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้านและการกำหนดอายุผู้ใช้บริการ ขณะที่ “สมชาย” ชี้ 3 มาตราการลงดาบผู้ละเมิด
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเรื่องการส่งเสริมและสร้างเสริมความรู้ด้านกฎหมายแก่ผู้ประกอบกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยมี ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) และผู้ประกอบการร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านคาราโอเกะเข้าร่วมด้วย
ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า จากสาระใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องพบว่ามีปัญหาหลายประเด็นที่ควรได้รับการแก้ไข ทั้งในส่วนของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ และส่วนของผู้ประกอบกิจการ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจที่เกี่ยวกับเกมกำลังเติบโตอย่างมากและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงอาจทำให้กฎหมายตามไม่ทันต่อความเจริญของโลกไซเบอร์ ประกอบกับการออกกฎหมายมาควบคุม หรือใช้บังคับไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะร้านเกมออนไลน์และร้านเกมออฟไลน์กำลังได้รับความนิยมจากเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจร้านเกมมีมากยิ่งขึ้นด้วย จึงได้ตระหนักถึงปัญหาและคิดว่าทุกฝ่ายควรที่จะหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
อธิบดี สวธ.กล่าวต่อว่า โดยจะขอเสนอ 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ การขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพราะผู้ประกอบกิจการจำนวนหนึ่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปล่อยให้เด็ก เยาวชนและผู้ใช้บริการทั่วไปใช้สถานบริการเป็นแหล่งมั่วสุมทางเพศ ยาเสพติด และการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาพยนตร์และวีดิทัศน์เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 และกฎกระทรวงเพื่อนำไปพิจารณา แก้ไขกฎหมายให้สมบูรณ์ โดยมีข้อเสนอแนะ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การกำหนดวเลาในการเข้าใช้บริการ เช่น การเปิด-ปิดร้านเกม ร้านคาราโอเกะรวมทั้งร้านคาราโอเกะหยอดเหรียญ 2.การกำหนดอายุผู้เข้าใช้บริการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.2552 ข้อ 12(1)(2) ที่ระบุว่า ให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 14.00 น.แต่ไม่เกิน 20.00 น.ในวันจันทร์ถึงศุกร์ และเวลา 10.00 น.แต่ไม่เกิน 20.00 น.ในวันหยุดราชการและระหว่างปิดภาคเรียน และให้เด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 18 ปี เข้าใช้ได้ตั้งแต่เวลา 14.00 น.แต่ไม่เกิน 22.00 น.ในวันจันทร์ถึงศุกร์ และตั้งแต่เวลา 11.00 น.ไม่เกิน 22.00 น.ในวัหยุดราชการหรือระหว่างปิดภาคเรียน 3.กำหนดระยะเวลาปิดภาคเรียนแต่ละภาคเรียนและ 4.การติดตั้งกล้องวงจรปิดและเครื่องดับเพลิงเครื่องป้องกันอัคคีภัย
ขณะที่นายสมชาย กล่าวว่า การสัมมานาครั้งนี้ เพื่อระดมความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551และกฎกระทรวงมีสาระเกี่ยวกับการกำกับดูแลการออกใบอนุญาต ตรวจพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและชัดเจนของเจ้าหน้าที่ในการออกไปตรวจสอบสถานประกอบการ กับเรื่องการปฏิบัติของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตแล้วว่าให้เน้นความปลอดภัยของสถานที่ ความสะอาด ปลอดอบายมุขและยาสเพติด ส่วนเรื่องการกำหนดเวลาในการใช้บริการจะต้องแยกระหว่างร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านคาราโอเกะด้วย โดยจะดูวัตถุประสงค์ว่าเปิดเพื่อความบันเทิงหรือเพื่อความรู้ ซึ่งถ้ามุ่งด้านความบันเทิงก็ควรที่จะมีหลักเกณฑ์ด้านเวลาเช่นเดียวกับสถานบริการ และต้องระบุให้ชัดเจนด้วยว่าร้านคาราโอเกะรูปแบบไหนควรที่จะต้องขอใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฯหรือรูปแบบไหนจะต้องไปขอใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ของกระทรวงมหาดไทย
“สวธ.ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายทั้งผู้ประกอบกิจการ กลุ่มเยาวชน สถานศึกษา และผู้ปกครองเพื่อสรุปให้ชัดเจนว่าควรที่จะทำอย่างไรต่อไป และในช่วงปิดภาคเรียนนี้สวธ.ก็จะจัดชุดลงไปตรวจสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยส่งหนังสือเพื่อขอความร่วมมือ หากพบสถานประกอบการใดฝ่าฝืนละเมิดกฎหมายก็จะมีมาตรการดำเนินการต่อไป เช่น ถ้าอยู่ในระดับไม่รุนแรงและไม่เคยทำผิดมาก่อนก็จะตักเตือน ถ้าทำผิดซ้ำจะต้องขอพักใบอนุญาตและถ้าทำผิดขั้นรุนแรง มีเรื่องยาเสพติด เพศเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะต้องถอนใบอนุญาต นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยตรวจสอบสถานประกอบด้วย” ปลัด วธ.กล่าว
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเรื่องการส่งเสริมและสร้างเสริมความรู้ด้านกฎหมายแก่ผู้ประกอบกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยมี ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) และผู้ประกอบการร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านคาราโอเกะเข้าร่วมด้วย
ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า จากสาระใน พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องพบว่ามีปัญหาหลายประเด็นที่ควรได้รับการแก้ไข ทั้งในส่วนของรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ และส่วนของผู้ประกอบกิจการ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจที่เกี่ยวกับเกมกำลังเติบโตอย่างมากและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงอาจทำให้กฎหมายตามไม่ทันต่อความเจริญของโลกไซเบอร์ ประกอบกับการออกกฎหมายมาควบคุม หรือใช้บังคับไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะร้านเกมออนไลน์และร้านเกมออฟไลน์กำลังได้รับความนิยมจากเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจร้านเกมมีมากยิ่งขึ้นด้วย จึงได้ตระหนักถึงปัญหาและคิดว่าทุกฝ่ายควรที่จะหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
อธิบดี สวธ.กล่าวต่อว่า โดยจะขอเสนอ 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ การขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพราะผู้ประกอบกิจการจำนวนหนึ่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปล่อยให้เด็ก เยาวชนและผู้ใช้บริการทั่วไปใช้สถานบริการเป็นแหล่งมั่วสุมทางเพศ ยาเสพติด และการรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาพยนตร์และวีดิทัศน์เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 และกฎกระทรวงเพื่อนำไปพิจารณา แก้ไขกฎหมายให้สมบูรณ์ โดยมีข้อเสนอแนะ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การกำหนดวเลาในการเข้าใช้บริการ เช่น การเปิด-ปิดร้านเกม ร้านคาราโอเกะรวมทั้งร้านคาราโอเกะหยอดเหรียญ 2.การกำหนดอายุผู้เข้าใช้บริการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.2552 ข้อ 12(1)(2) ที่ระบุว่า ให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 14.00 น.แต่ไม่เกิน 20.00 น.ในวันจันทร์ถึงศุกร์ และเวลา 10.00 น.แต่ไม่เกิน 20.00 น.ในวันหยุดราชการและระหว่างปิดภาคเรียน และให้เด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 18 ปี เข้าใช้ได้ตั้งแต่เวลา 14.00 น.แต่ไม่เกิน 22.00 น.ในวันจันทร์ถึงศุกร์ และตั้งแต่เวลา 11.00 น.ไม่เกิน 22.00 น.ในวัหยุดราชการหรือระหว่างปิดภาคเรียน 3.กำหนดระยะเวลาปิดภาคเรียนแต่ละภาคเรียนและ 4.การติดตั้งกล้องวงจรปิดและเครื่องดับเพลิงเครื่องป้องกันอัคคีภัย
ขณะที่นายสมชาย กล่าวว่า การสัมมานาครั้งนี้ เพื่อระดมความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551และกฎกระทรวงมีสาระเกี่ยวกับการกำกับดูแลการออกใบอนุญาต ตรวจพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและชัดเจนของเจ้าหน้าที่ในการออกไปตรวจสอบสถานประกอบการ กับเรื่องการปฏิบัติของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตแล้วว่าให้เน้นความปลอดภัยของสถานที่ ความสะอาด ปลอดอบายมุขและยาสเพติด ส่วนเรื่องการกำหนดเวลาในการใช้บริการจะต้องแยกระหว่างร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต ร้านคาราโอเกะด้วย โดยจะดูวัตถุประสงค์ว่าเปิดเพื่อความบันเทิงหรือเพื่อความรู้ ซึ่งถ้ามุ่งด้านความบันเทิงก็ควรที่จะมีหลักเกณฑ์ด้านเวลาเช่นเดียวกับสถานบริการ และต้องระบุให้ชัดเจนด้วยว่าร้านคาราโอเกะรูปแบบไหนควรที่จะต้องขอใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฯหรือรูปแบบไหนจะต้องไปขอใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ของกระทรวงมหาดไทย
“สวธ.ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายทั้งผู้ประกอบกิจการ กลุ่มเยาวชน สถานศึกษา และผู้ปกครองเพื่อสรุปให้ชัดเจนว่าควรที่จะทำอย่างไรต่อไป และในช่วงปิดภาคเรียนนี้สวธ.ก็จะจัดชุดลงไปตรวจสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยส่งหนังสือเพื่อขอความร่วมมือ หากพบสถานประกอบการใดฝ่าฝืนละเมิดกฎหมายก็จะมีมาตรการดำเนินการต่อไป เช่น ถ้าอยู่ในระดับไม่รุนแรงและไม่เคยทำผิดมาก่อนก็จะตักเตือน ถ้าทำผิดซ้ำจะต้องขอพักใบอนุญาตและถ้าทำผิดขั้นรุนแรง มีเรื่องยาเสพติด เพศเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะต้องถอนใบอนุญาต นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยตรวจสอบสถานประกอบด้วย” ปลัด วธ.กล่าว