สธ.แนะประชาชนเลี่ยงเมนู อาหารทะเลลวกจิ้มพร้อมกิน เนื้อปู-หอยแกะ ส้มตำปูดอง ลาบ ยำสุกๆ ดิบๆ ขนมเอแคร์ ขนมจีน พบเป็นตัวการก่อโรคอาหารเป็นพิษ มากเกือบร้อยละ 90 ปีนี้พบผู้ป่วยแล้ว เกือบ 20,000 ราย อาการมักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารไปแล้ว 2-4 ชั่วโมง
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า ในช่วงฤดูร้อนนี้ นอกจากจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำใช้แล้ว ในด้านสุขภาพของประชาชนพบว่ามีความเสี่ยงป่วยจากอาหารและน้ำที่ไม่สะอาดได้ง่ายกว่าฤดูอื่นๆ อาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้ เชื้อโรคที่ก่อพิษในหน้าร้อนมักเป็นเชื้อแบคทีเรีย อากาศยิ่งร้อน เชื้อยิ่งฟักตัวแพร่พันธุ์เร็ว ในรอบ 2 เดือน ในปี 2554 นี้ สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข รายงานพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษทั่วประเทศรวม 19,148 ราย ยังไม่มีรายงานเสียชีวิต
ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า ในการป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ มีวิธีการประกอบกัน 3 ส่วน ส่วนแรกคือด้านอนามัยของประชาชนเอง แนะนำให้ตัดเล็บมือให้สั้น และดูแลความสะอาด ล้างมือทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร ส่วนที่ 2 คือการเลือกอาหาร ควรเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ขอให้หลีกเลี่ยงเมนูดังต่อไปนี้คือ ส้มตำปูดอง ส้มตำปูม้าสด อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนผสม หอยแมลงภู่/หอยแครงลวก เนื้อปูแกะสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ขนมเอแคร์ ขนมจีน ยำต่างๆ และอาหารสุกๆ ดิบๆ ทุกชนิด เช่นกุ้งพล่า ลาบก้อย เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะเสียง่ายเพราะมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ ส่วนที่ 3 คือ การเก็บรักษาอาหาร ต้องเก็บไว้ในที่เย็น เช่น ตู้เย็น เพื่อชะลอการเติบโตเชื้อโรค หากเป็นอาหารข้ามมื้อเกิน 4 ชั่วโมงหลังปรุงเสร็จ ต้องอุ่นให้ร้อนหรือเดือดก่อนรับประทาน เพื่อให้ความร้อนฆ่าเชื้อโรคทุกชนิดก่อน
ดร.พรรณสิริกล่าวอีกว่า ถ้าต้องเดินทางและสั่งอาหารกล่อง จะต้องเลือกจากร้านที่เชื่อถือได้ และกำชับให้ผู้ปรุง อย่าปรุงล่วงหน้านาน เลือกเมนูที่ไม่บูดหรือเสียง่าย เช่นไข่ต้ม หมูทอด ไก่ทอด ไม่ควรเป็นเมนูกะทิ ยำเป็นต้น เพราะจากการสอบสวนโรคในกลุ่มผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ พบเมนูดังกล่าวข้างต้นเป็นสาเหตุกว่าร้อยละ 90
ด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคอาหารเป็นพิษมักพบหลังจากที่กินอาหารที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนไปแล้วภายใน 2-4 ชั่วโมง พบได้ทุกวัย มักพบประชาชนและพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ เด็กในโรงเรียน กลุ่มงานเลี้ยงสังสรรค์ การชุมนุม กลุ่มทัศนาจร และกลุ่มที่อยู่ในชุมชนแออัดและมีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่ ที่เกี่ยวข้องชัดเจนคือการกินอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด สุขอนามัยส่วนบุคคลและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี อาการของโรคนี้ได้แก่ ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ ปวดมวนท้องรุนแรง อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้ และปวดศีรษะร่วมด้วย บางครั้งมีอาการถ่ายอุจจาระปนเลือด หรือเป็นมูกคล้ายเป็นบิด
นายแพทย์มานิตกล่าวต่อว่า เมื่อมีสมาชิกในบ้านเกิดอุจจาระร่วง ในการดูแลเบื้องต้น ควรให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่หรือโออาร์เอส หากไม่มี สามารถใช้น้ำสไปรท์ใส่เกลือเล็กน้อยแทนได้ ให้ผู้ป่วยดื่มทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง หลังดื่มแล้ว 8-12 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบไปรับการรักษาที่สถานบริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลทันที