โดย...ทิติยา เถาธรรมพิทักษ์
“ลำพูน”เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานแห่งหนึ่งของล้านนา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม งานหัตถกรรม กลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พอเพียง สงบสุข มีด้วยเหตุนี้เอง กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จึงเลือกลำพูนเป็นจังหวัดนำร่อง “เมืองสบาย สบาย: วิถีไทยวิถีท้องถิ่น” หรือ “สโลว์ ทาวน์” (Slow Town) เพื่อที่จะพัฒนาให้เกิดความเข้มแข็งแก่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมในการขับเคลื่อน เปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่ท้องถิ่นอื่น รวมทั้งเพื่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกด้วย
ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ผู้รับผิดชอบโครงการ บอกว่า ถึงแม้จะประกาศให้ลำพูนเป็นเมืองสบาย สบายแล้ว แต่ลำพูนก็จะต้องรักษามาตรฐานการดำเนินชีวิตในท้องถิ่นให้มากที่สุดต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำจากต่างชาติ หรือเกิดการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่อาจกระทบต่อวิถีชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิมได้ โดย วธ.จะมีการประชาสัมพันธ์ และร่วมกันผลักดันการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแบบค่อยเป็นค่อยไปทั้งจังหวัดลำพูน หรือจังหวัดอื่นๆ ที่จะได้รับคัดเลือกในอนาคต เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจความหมายของการท่องเที่ยวตามวิถีวัฒนธรรมของเมืองนั้นๆ โดยการท่องเที่ยวอย่างมีสติ ซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างระมัดระวัง รวมทั้งต้องยึดมาตรฐานของคนในพื้นที่เป็นหลัก ไม่ใช่มาตรฐานการท่องเที่ยวของแต่ละบุคคล
“ก่อนที่จะคัดเลือกเมืองลำพูนเป็นเมืองสบายๆ ได้ไปพูดคุยกับสภาวัฒนธรรมจังหวัด และประชาชน ใช้เวลาปีกว่าๆ ทุกคนทุกฝ่ายต่างก็รับรู้และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งสำคัญนักท่องเที่ยวเมื่อมาแล้วก็ต้องเคารพสถานที่ วิถีชีวิตของคนที่นี่ด้วย” อธิบดี สวธ.กล่าว
ด้านนางญาณาศิริ ทิพยสกุล ชาวจังหวัดลำพูน วัย 47 ปี บอกว่า โดยส่วนตัวรู้สึกภูมิใจที่ลำพูนได้รับการยกย่องเป็นเมืองสบาย สบาย เพราะวิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเราก็เป็นแบบเรียบง่ายสบายๆ อยู่แล้ว ถึงแม้การได้รับให้เป็นเมืองสบาย สบายจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงตามมา แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นชาวลำพูนก็จะรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างที่เคยเป็นอยู่ให้คงอยู่ต่อไป
นายชัยพร บุรุษานนท์ หนุ่มชาวกรุง ที่ผันตนเองมาเป็นเกษตรกรสวนลำไย และตั้งรกรากที่จังหวัดลำพูนมา 15 ปี บอกว่า ลำพูนเป็นเมืองที่สงบเงียบ ไม่มีมลพิษ เต็มไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมของชาวบ้านและชาวพื้นเมืองไม่ค่อยมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆหรือแสงสีให้ได้ชมกันมากนัก ดังนั้น จึงเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยอีกจังหวัด และเหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบ รักสันโดษหรือคนวัยเกษียณที่จะมาใช้ชีวิตที่นี่ นอกจากนี้ เชื่อว่า ถ้าได้ลองมาสัมผัสทุกคนจะหลงรักเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบนี้ได้ไม่ยาก
ขณะที่นายนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น เจ้าของเว็บไซต์เทรคกิ้งไทยดอทคอม บอกว่า ในรอบปี 2554 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดลำพูน 2-3 ครั้ง โดยภาพรวมลำพูนเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมของตนเองแบบชาวเชียงตุงรวมทั้งมีกลุ่มชาติพันธุ์มากมาย และนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะไปไหว้พระธาตุหริภุญชัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมือง หรือเป็นเมืองผ่านของนักเดินทาง
“การที่มีการยกย่องให้ลำพูนเป็นเมืองสบาย สบายมองว่าก็เป็นความคิดที่ดี แต่การที่จะทำให้เมืองๆ หนึ่งเป็นเมืองแบบเนิบช้า หรือสโลว์ทาวน์ได้นั้นจะต้องมีการจำกัด หรือคัดกรองนักท่องเที่ยว จำกัดพื้นที่ มิฉะนั้นก็จะเกิดการแห่มาเที่ยวกระทบต่อชีวิตของคนในชุมชนได้ อย่างประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นต้นแบบเมืองสบาย สบายเขาจะมีการคัดกรองนักท่องเที่ยว เมื่อมีนักท่องเที่ยวไปกันเยอะๆ ก็จะมีการเข้าคิวหรือเพิ่มอัตราการค่าเข้า ถ้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็เหมือนเป็นการโปรโมตเพื่อการตลาด ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวระยะแรกๆ เพื่อถ่ายรูป นั่งชมวิว กินกาแฟ เหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เคยประสบมา และก็จะส่งผลกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวย้อนยุค เป็นจุดท่องเที่ยวแหล่งใหม่แทนการเป็นเมืองสบาย สบาย ซึ่งเมืองสบาย สบายโดยแท้จริงแล้ว แม้จะไมมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเลยแต่ประชาชนที่นั่นก็มีความสุขกับวิถีชีวิตของตนเอง”นิพัทธ์พงษ์ ทิ้งท้าย