กทม.เผย สนามหลวงกำหนดเสร็จ 28 เม.ย.นี้ มอบสำนักสิ่งแวดล้อมกำหนดหลักเกณฑ์เข้าใช้พื้นที่ จัดเทศกิจ ตำรวจ ทหาร พร้อมติดตั้ง CCTV ดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินและประชาชนโดยรอบ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาคนเร่ร่อนและผู้ค้ายั่งยืน ขณะที่ บช.น.เสนอติดตั้งรั้วโปร่งใสไฮโดรลิก ป้องกันผู้บุกรุก และสร้างความเสียหายแก่ท้องสนามหลวง เตรียมส่งคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ พิจารณา คาดงานแรกประเดิมใช้พิธีแรกนา
วันนี้ (10 มี.ค.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเพื่อหารือแนวทางเตรียมการรองรับการเปิดใช้สนามหลวง ซึ่งมีกำหนดจะแล้วเสร็จวันที่ 28 เม.ย.2554 ว่า กทม.ได้มอบหมายให้สำนักสิ่งแวดล้อมกำหนดหลักเกณฑ์ และการอนุญาตใช้พื้นที่สนามหลวง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ โดยเบื้องต้นได้พิจารณาจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจ 60 นาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 36 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม 10 นาย และสารวัตรทหาร รวมถึงจะมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณสนามหลวง และพื้นที่โดยรอบ โดยติดตั้งซุ้มเจ้าหน้าที่และอาคารควบคุมสัญญาณชั่วคราว ซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์โดยรอบพื้นที่สนามหลวง เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่และประชาชน ตลอดจนการป้องกันอาชญากรรมทุกประเภท และการควบคุมฝูงชน นอกจากนี้ จะติดตั้งหอกระจายเสียงเพื่อแจ้งข่าว และประกาศเตือนผู้ฝ่าฝืนการเข้าใช้พื้นที่สนามหลวงอีกด้วย
สำหรับปัญหาคนเร่ร่อนโดยรอบสนามหลวงนั้น กทม.ได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาสังคมจัดโครงการบ้านอุ่นอิ่มเพื่อเป็นที่พักให้แก่คนเร่ร่อนกว่า 600 คน ซึ่งปัจจุบันย้ายจากสนามหลวงไปพักบริเวณริมคลองหลอดเป็นการชั่วคราว โดย กทม.จะร่วมกับมูลนิธิต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนดูแลและจัดสวัสดิการให้แก่คนเร่ร่อนให้มีความเป็นอยู่ถูกสุขลักษณะ อีกทั้งในส่วนของการแก้ไขปัญหาผู้ค้าบริเวณโดยรอบสนามหลวง และริมคลองหลอด ได้เตรียมจัดโครงการถนนคนเดินตามแผนประชาวิวัฒน์ โดยการปรับปรุงพื้นที่คลองหลอดให้เป็นแหล่งทำการค้าที่มีเสน่ห์และสวยงาม
นายธีระชน กล่าวด้วยว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ได้เสนอให้มีการออกแบบและติดตั้งรั้วโปร่งใสไฮโดรลิกโดยรอบสนามหลวง เพื่อดูแลความปลอดภัยของพื้นที่ ป้องกันปัญหาอาชญากรรม เฝ้าระวังการบุกรุกจากเหตุชุมนุมทางการเมือง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อพื้นที่ เนื่องจากการปรับปรุงสนามหลวงใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนถึง 180 ล้านบาท ดังนั้น ทุกคนทุกภาคส่วนควรได้ใช้ประโยชน์พื้นที่สนามหลวงอย่างเท่าเทียม อย่างไรก็ตาม กทม.จะต้องนำเรื่องดังกล่าวขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ ถึงความเหมาะสมในการจัดสร้างต่อไป พร้อมกันนี้ กทม.ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลสนามหลวงซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินให้สวยงาม และใช้สนามหลวงร่วมกันอย่างดูแลและรับผิดชอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการใช้สนามหลวงเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์แล้วเสร็จนั้นจะเป็นวันพืชมงคล 13 พ.ค.ซึ่งจะมีการประกอบพิธีแรกนาขวัญ