ผอ.สบร.ทุ่มงบหนุนการทำงานแบบจิตอาสาในกลุ่มวัยรุ่น เน้นประธานสโมสรนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยเป็นแกนนำทำประโยชน์เพื่อสังคม
นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) กล่าวว่า หลังจากที่ศูนย์ส่งเสริม และพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานโครงการเครือข่ายห้องสมุด 16 หน่วยงาน ปีงบประมาณ 2554 ขณะนี้ถือว่าโครงการดังกล่าวมีเครือข่ายกว่า 100 แห่ง มีทั้งห้องสมุดวัด หน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัย ห้องสมุดของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งถือว่ามีความหลากหลายส่งผลให้ประชาชน เยาวชนมีความรู้ด้านคุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งทางศูนย์คุณธรรมได้สนับสนุนหนังสือคุณธรรมจริยธรรม นิตยสารที่เกี่ยวข้องแล้ว ตนอยากจะเสนอให้พัฒนาห้องสมุดในส่วนของอุปกรณ์ เก้าอี้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่เรื่องราวของคนที่ทำดีที่เป็นเครือข่ายของศูนย์คุณธรรมกว่า 200 คน ให้เห็นกรณีตัวอย่าง พร้อมคิดหากิจกรรมที่กระตุ้นการอ่านผ่านการเรียนและเล่นให้กับเด็กเยาวชน เน้นให้เกิดจิตอาสาทำประโยชน์ต่อสังคม
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเข้ามาดูแลงานศูนย์คุณธรรมในระยะหนึ่ง มองว่า การที่ศูนย์คุณธรรมผลักดันเรื่องสมัชชาคุณธรรมมาหลายปีและถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ตนคิดว่าศูนย์คุณธรรมเป็นหน่วยงานเล็กๆ กลับทุ่มงบประมาณให้กับเรื่องนี้จำนวนมาก ถือเป็นงานหนัก จึงเห็นว่าควรจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ใหญ่กว่านี้เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนศูนย์คุณธรรมควรจะทำโครงการที่เห็นผลได้รวดเร็ว ใช้งบประมาณไม่มาก คิดว่า น่าจะทำอะไรได้อีกเยอะมาก ขณะนี้ตนจึงได้ปรับเปลี่ยนเรื่องงบประมาณโดยงบประมาณในปี 2555 แทนที่จะทุ่มงบส่วนใหญ่ไปกับการประชุมสัมนาสมัชชาคุณธรรม ได้แบ่งมาพัฒนาโครงการต่างๆที่ทำให้เกิดจิตอาสาให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นและสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ส่วนเรื่องงบประมาณและบุคคลากรน้อยนั้น ตนไม่เป็นห่วงเพราะศูนย์คุณธรรมทำงานแบบมีเครือข่าย
“สิ่งที่ผมอยากเห็นคือกลุ่มวัยรุ่น เช่น ประธานสโมสรนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ลุกขึ้นมาเป็นแกนนำจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยทางศูนย์คุณธรรมเป็นผู้สนับสนุนเรื่องงบประมาณ ผมคิดว่าเยาวชนเหล่านี้สามารถทำได้โดยที่เจ้าหน้าที่ศูนย์คุณธรรมคอยเป็นพี่เลี้ยง ไม่ต้องมาบริหารงานเองเพราะมีความแตกต่างเรื่องวัย ความสนใจ หากทำงานตามแนวคิดนี้ผมคิดว่าน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญจะต้องไม่มีการจ้าง เพราะหากมีการจ้างเกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องของจิตอาสา”ผอ.สบร.กล่าว
นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) กล่าวว่า หลังจากที่ศูนย์ส่งเสริม และพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานโครงการเครือข่ายห้องสมุด 16 หน่วยงาน ปีงบประมาณ 2554 ขณะนี้ถือว่าโครงการดังกล่าวมีเครือข่ายกว่า 100 แห่ง มีทั้งห้องสมุดวัด หน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัย ห้องสมุดของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งถือว่ามีความหลากหลายส่งผลให้ประชาชน เยาวชนมีความรู้ด้านคุณธรรมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งทางศูนย์คุณธรรมได้สนับสนุนหนังสือคุณธรรมจริยธรรม นิตยสารที่เกี่ยวข้องแล้ว ตนอยากจะเสนอให้พัฒนาห้องสมุดในส่วนของอุปกรณ์ เก้าอี้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์เพื่อเผยแพร่เรื่องราวของคนที่ทำดีที่เป็นเครือข่ายของศูนย์คุณธรรมกว่า 200 คน ให้เห็นกรณีตัวอย่าง พร้อมคิดหากิจกรรมที่กระตุ้นการอ่านผ่านการเรียนและเล่นให้กับเด็กเยาวชน เน้นให้เกิดจิตอาสาทำประโยชน์ต่อสังคม
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเข้ามาดูแลงานศูนย์คุณธรรมในระยะหนึ่ง มองว่า การที่ศูนย์คุณธรรมผลักดันเรื่องสมัชชาคุณธรรมมาหลายปีและถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ตนคิดว่าศูนย์คุณธรรมเป็นหน่วยงานเล็กๆ กลับทุ่มงบประมาณให้กับเรื่องนี้จำนวนมาก ถือเป็นงานหนัก จึงเห็นว่าควรจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ใหญ่กว่านี้เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนศูนย์คุณธรรมควรจะทำโครงการที่เห็นผลได้รวดเร็ว ใช้งบประมาณไม่มาก คิดว่า น่าจะทำอะไรได้อีกเยอะมาก ขณะนี้ตนจึงได้ปรับเปลี่ยนเรื่องงบประมาณโดยงบประมาณในปี 2555 แทนที่จะทุ่มงบส่วนใหญ่ไปกับการประชุมสัมนาสมัชชาคุณธรรม ได้แบ่งมาพัฒนาโครงการต่างๆที่ทำให้เกิดจิตอาสาให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นและสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ส่วนเรื่องงบประมาณและบุคคลากรน้อยนั้น ตนไม่เป็นห่วงเพราะศูนย์คุณธรรมทำงานแบบมีเครือข่าย
“สิ่งที่ผมอยากเห็นคือกลุ่มวัยรุ่น เช่น ประธานสโมสรนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ลุกขึ้นมาเป็นแกนนำจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยทางศูนย์คุณธรรมเป็นผู้สนับสนุนเรื่องงบประมาณ ผมคิดว่าเยาวชนเหล่านี้สามารถทำได้โดยที่เจ้าหน้าที่ศูนย์คุณธรรมคอยเป็นพี่เลี้ยง ไม่ต้องมาบริหารงานเองเพราะมีความแตกต่างเรื่องวัย ความสนใจ หากทำงานตามแนวคิดนี้ผมคิดว่าน่าจะเกิดประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญจะต้องไม่มีการจ้าง เพราะหากมีการจ้างเกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องของจิตอาสา”ผอ.สบร.กล่าว