พระเทพฯ ทรงห่วงประชาชนรอบ ร.ร.ตชด. อ่านหนังสือไม่ออก มอบหมาย กศน.สอนอ่านเขียนเรียนหนังสือ ต่อยอดการเรียนรู้ด้วยการอ่าน
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (เลขาธิการ กศน.) กล่าวในการบรรยายพิเศษ การประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่โรงแรมปริ๊นซพาเลซ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยะที่ 4 พ.ศ.2550-2559 ซึ่งมีพื้นที่ทรงงานในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ได้แก่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 188 แห่ง ในพื้นที่ 40 จังหวัด 104 อำเภอ ศูนย์การเรียนในสังกัด กศน.ศูนย์การเรียนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) และศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยมอแกน รวมจำนวน 273 แห่ง ตลอดจนโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งพระองค์ท่านจะเสด็จเยี่ยมเยียนและทรงงานอย่างสม่ำเสมอ
ในการเสด็จฯทรงงานแต่ละครั้ง พระองค์ท่านมักจะตรัสชมเชยครู กศน.ที่มีความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชุมชน โดยเฉพาะการสอนผู้ใหญ่ให้ได้รู้หนังสือ ซึ่งล่าสุด เสด็จฯ ที่ศูนย์การเรียนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) บ้านป่าซางหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทรงมีรับสั่งถึงโรงเรียน ตชด.ที่มีชาวบ้านสนใจอยากเรียนหนังสือ มีพระราชดำริให้ กศน.ประสานกับโรงเรียน ตชด.ซึ่งเป็นพื้นที่ทรงงาน เพื่อจัดการเรียนการสอนให้ผู้ใหญ่ในชุมชนที่อยู่รายรอบโรงเรียน ตชด.ให้รู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ เข้าถึงโอกาสทางการเรียนรู้จากการอ่านได้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน พระองค์ท่านยังทรงมีพระราชดำริให้ กศน.ดำเนินการเพื่อส่งเสริมอาชีพ โดยในการกำหนดแนวทางการทำงานครั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำให้ กศน.ในพื้นที่สำรวจความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในการฝึกอาชีพ เพื่อการตอบสนองที่ตรงจุด ไม่ใช่การยัดเยียดสิ่งไม่พึงประสงค์ให้แก่ประชาชนโดยเปล่าประโยชน์ โดยใช้พื้นที่ของโรงเรียน ตชด.เป็นจุดศูนย์กลางในการเรียนรู้ของประชาชน
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากการส่งเสริมให้ประชาชนที่อยู่ในชุมชนรอบโรงเรียน ตชด.ได้อ่านออกเขียนได้ และการฝึกอาชีพตามความต้องการแล้ว กศน.ยังได้หาแนวทางการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการอ่านแก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวด้วย โดยนำกิจกรรมที่จะสามารถรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความจำเป็นของการอ่าน ว่า การอ่านเพื่อการเรียนรู้มีคุณประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และยังสามารถต่อยอดการเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วย
นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (เลขาธิการ กศน.) กล่าวในการบรรยายพิเศษ การประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อสนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่โรงแรมปริ๊นซพาเลซ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยะที่ 4 พ.ศ.2550-2559 ซึ่งมีพื้นที่ทรงงานในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ได้แก่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 188 แห่ง ในพื้นที่ 40 จังหวัด 104 อำเภอ ศูนย์การเรียนในสังกัด กศน.ศูนย์การเรียนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) และศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยมอแกน รวมจำนวน 273 แห่ง ตลอดจนโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งพระองค์ท่านจะเสด็จเยี่ยมเยียนและทรงงานอย่างสม่ำเสมอ
ในการเสด็จฯทรงงานแต่ละครั้ง พระองค์ท่านมักจะตรัสชมเชยครู กศน.ที่มีความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชุมชน โดยเฉพาะการสอนผู้ใหญ่ให้ได้รู้หนังสือ ซึ่งล่าสุด เสด็จฯ ที่ศูนย์การเรียนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) บ้านป่าซางหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทรงมีรับสั่งถึงโรงเรียน ตชด.ที่มีชาวบ้านสนใจอยากเรียนหนังสือ มีพระราชดำริให้ กศน.ประสานกับโรงเรียน ตชด.ซึ่งเป็นพื้นที่ทรงงาน เพื่อจัดการเรียนการสอนให้ผู้ใหญ่ในชุมชนที่อยู่รายรอบโรงเรียน ตชด.ให้รู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ เข้าถึงโอกาสทางการเรียนรู้จากการอ่านได้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน พระองค์ท่านยังทรงมีพระราชดำริให้ กศน.ดำเนินการเพื่อส่งเสริมอาชีพ โดยในการกำหนดแนวทางการทำงานครั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำให้ กศน.ในพื้นที่สำรวจความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในการฝึกอาชีพ เพื่อการตอบสนองที่ตรงจุด ไม่ใช่การยัดเยียดสิ่งไม่พึงประสงค์ให้แก่ประชาชนโดยเปล่าประโยชน์ โดยใช้พื้นที่ของโรงเรียน ตชด.เป็นจุดศูนย์กลางในการเรียนรู้ของประชาชน
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากการส่งเสริมให้ประชาชนที่อยู่ในชุมชนรอบโรงเรียน ตชด.ได้อ่านออกเขียนได้ และการฝึกอาชีพตามความต้องการแล้ว กศน.ยังได้หาแนวทางการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการอ่านแก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวด้วย โดยนำกิจกรรมที่จะสามารถรณรงค์กระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความจำเป็นของการอ่าน ว่า การอ่านเพื่อการเรียนรู้มีคุณประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และยังสามารถต่อยอดการเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วย
