“ชินภัทร” ตั้งเป้านำผลประเมิน Piza ยกระดับสมรรถนะเด็กไทยอย่างเป็นรูปธรรม สุดมันปี 2012 เด็กไทยอัพเกรด การอ่าน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สูงขึ้น
วันนี้ (1 มี.ค.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.ได้นำข้อมูลผลการประเมินนักเรียนระดับนานาชาติ หรือ Piza ปี 2009 มาเป็นฐานในการจัดทำแผนปฎิบัติการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอย่างจริงจัง โดย สพฐ.ตั้งเป้าหมายในการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติในรอบต่อไปนั้นจะต้องยกระดับการประเมินดังกล่าวให้สูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากผลประเมินของ piza ที่ผ่านมานั้น พบว่า มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการศึกษาอยู่หลายปัจจัย เช่น นักเรียนชนบทจะมีผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่านักเรียน โรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนขนาดกลางจะมีปัญหาเรื่องคุณภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ สพฐ.ได้มีการขับเคลื่อนคุณภาพโรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนมาตรฐานสากล โรงเรียนดีประจำอำเภอ หรือโรงเรียนดีประจำตำบล นอกจากจะขับเคลื่อนโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้แล้วจะมุ่งพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชนประมาณ 10,000 แห่งด้วย ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมไปถึงโรงเรียนขยายโอกาส และโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาขนาดเล็ก โดยโรงเรียนเหล่านี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ สพฐ.ให้ความสำคัญในการเร่งรัดพัฒนาคุณภาพ
นายชินภัทร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน สพฐ.จะมีการทำแผนปฎิบัติการดังกล่าว โดยจะมีแผนการขับเคลื่อนทางวิชาการ และแผนการบริหารจัดการสถานศึกษา คาดว่า เมื่อแผนนี้สำเร็จก็เท่ากับว่า สพฐ.ได้ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตนเชื่อว่าในปี 2012 การประเมินนักเรียนระดับนานาชาติของไทยจะเพิ่มสูงขึ้นทั้ง 3 สมรรถนะ ได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์
“สพฐ.พร้อมพัฒนาครูในระดับสูงและระดับกลางโดยเฉพาะครูที่สอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ในระดับประถมศึกษา ซึ่งถือเป็นการวางพื้นฐานการเรียนรู้ให้กับนักเรียน โดยครูที่ผ่านการประเมินในระดับสูงที่จะพัฒนาให้เป็นมาสเตอร์ทีชเชอร์จำนวน 22,054 คนและระดับกลางจำนวน 180,000 คน จะได้รับการพัฒนาโดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) โดยในส่วนของการพัฒนาครูในระดับกลางนั้นจะใช้ศูนย์ ที่ สสวท.ร่วมกับ สพฐ.ทำการพัฒนาโดยใช้โรงเรียนประจำจังหวัดจำนวน 45 ศูนย์และระบบออนไลน์ในการพัฒนา” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
