xs
xsm
sm
md
lg

บันทึก...ฉันถูกตำรวจร่วมร้อยสลายม็อบ (ผู้ป่วย)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพบรรยากาศการชุมนุมของม็อบผู้ป่วยและช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ให้กลับบ้าน
โดย...ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
บันทึกเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2554

นายกรัฐมนตรีให้คำมั่นสัญญาเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2553 ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข เข้าสภาฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อย่างแน่นอน ดังนั้น วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 จึงเป็นวันที่ฉันตื่นเต้นดีใจว่าจะได้ประกาศเลิกเครือข่ายฯ เสียที เพราะช่วยผู้เสียหายเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด และฉันเห็นใจทั้งคนไข้และบุคลากรทางการแพทย์ที่ทุกข์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จึงเฝ้าติดตามดูการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรอย่างใจจดใจจ่อ สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำตามสัญญา และไม่มีคำชี้แจงใดๆ

ฉันตัดสินใจเก็บข้าวของเสื่อผืนหมอนใบ ถุงนอนพร้อมยากันยุง ไปปักหลักพักค้างอยู่ที่บริเวณหน้ารัฐสภาคนเดียว ตั้งแต่บ่ายโมงของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหยิบยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ ฉันประกาศด้วยว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารเงินกองทุน และจะประกาศเลิกเครือข่ายทันทีที่ พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้

ฉัน ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ หรือต้องการเด่นดัง แต่ฉันทำในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่สู้และนอนกับปัญหามานานร่วม 20 ปี แต่ถ้าในฐานะประธานเครือข่ายแล้วฉันเห็นว่า เพื่อนแต่ละคนพิกลพิการน่าเวทนา มาก็ลำบาก เงินทองเราก็ไม่มี มิหนำซ้ำเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ฉันจึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่มีสิทธิเป็นคนไข้และมีสิทธิได้รับความเสียหาย ดังนั้นใครจะไปร่วมกับฉันหรือไม่นั้น ไม่มีสิทธิบังคับใครได้ จึงไม่โทร.เรียกเพื่อน แต่เมื่อเขารู้เขาบอกต่อกันไป ฉันบอกว่าไม่ต้องโทร.หาพี่ ในส่วนของพี่ถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำเพื่อสังคมจนวันสุดท้ายของการประชุมสภาฯ หากไม่ได้พี่จะไม่เสียใจเพราะได้ทำเต็มที่แล้ว

เมื่อเพื่อนๆ บอกต่อกันไป น้องขวัญคนที่เคยโกนหัวประท้วงรัฐบาลกับฉันได้หอบข้าวของพาน้องแชมป์ ลูกชายอายุสองขวบครึ่งที่พิการสมองฝ่อจากการที่แพทย์จ่ายยาห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์ไปร่วมนั่งด้วย เราไม่เคยแคร์ว่าใครจะมองอย่างไร เพราะเราเสียหายคนอื่นไม่ได้เสียหายกับเรา เราตาย หมอไม่ได้ตาย หรือนักการเมืองที่ไม่ชอบเราก็ไม่ได้ตายด้วย วันนั้นแดดร้อนมาก ฉันบอกให้ขวัญพาลูกกลับ กลัวน้องแชมป์ไม่สบาย แต่ขวัญก็ยืนยันจะอยู่เป็นเพื่อนฉัน เธอบอกว่ามันไม่ได้ร้อนเท่าความทุกข์ของเรานะพี่อุ้ย พี่อุ้ยไม่ได้ทุกข์คนเดียว พวกหนูทุกข์ด้วย คืนแรกเรานอนกันตามมีตามเกิด ใกล้สว่างฝนตกหนักมาก จนเราเปียกปอน แต่เราสองคนไม่เคยหวั่น ก็แค่เปียก เช็ดเอาเดี๋ยวเดียวก็แห้ง แต่ความทุกข์ของเราของเพื่อนเราที่ตายไป พิการไป มันเรียกคืนไม่ได้

ปกติฉันทำตัวเป็นพลเมืองดี ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย และทราบดีว่าหน้ารัฐสภาเป็นพื้นที่ห้ามชุมนุมตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ในเมื่อคำสัญญาของคนเป็นนายกรัฐมนตรีเชื่อไม่ได้ ฉันจึงคิดว่ากฎระเบียบอะไรในประเทศนี้ก็คงไร้ความหมาย จึงตัดสินใจไปนอนค้างที่หน้ารัฐสภาเพื่อทวงสัญญา และให้นายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจง เรานอนกันเพียงสามคนกับเด็กพิการอีกหนึ่งคน เราเชื่อว่าการชุมนุมของเราไม่ใช่การชุมนุมทางการเมืองคงไม่มีใครมาไล่ เรามีความหวังว่านายกรัฐมนตรีจะเห็นใจในความทุกข์ยากของประชาชน โดยเฉพาะพวกเราที่พิกลพิการและแวะมาเยี่ยมเราในวันที่ท่านเดินทางมาประชุมสภาฯ ในวันพุธและพฤหัสบดีหน้า และหากมีคำตอบที่พอใจเราก็จะเดินทางกลับเพราะกินนอนข้างถนนนั้นมีแต่ความยากลำบาก

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สามารถดำเนินการชุมนุมเรียกร้องต่อไปได้ และทำให้เพื่อนผู้เสียหายจากจังหวัดต่างๆ ที่ทยอยกันเดินทางมาร่วมชุมนุมต่างต้องเดินทางเก้อ เนื่องจากตอนเย็นของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 2554 มีตำรวจ 3 นายมาเจรจาขอคืนพื้นที่โดยให้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ห้ามชุมนุม ให้ย้ายไปนอนบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ฉันกับเพื่อนปฏิเสธเนื่องจากเรามีคนไข้ที่พิการไม่แข็งแรง จะให้ไปนอนตากแดดที่ร้อนมากคงไม่ได้ เราให้เหตุผลว่า บริเวณหน้าสภามีร่มไม้พอบังแดดให้เราได้บ้าง หากจะดำเนินการตามกฎหมายก็ให้ท่านทำได้ เรายินดีรับและยินดีให้ท่านจับ และจะไม่โกรธด้วย เนื่องจากท่านทำตามหน้าที่ เมื่อเราปฏิเสธ ตอนดึกเวลาประมาณห้าทุ่มเศษ ขณะที่ดิฉันกับเพื่อนกำลังนอนหลับอยู่ ได้มี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ได้นำกำลังตำรวจร่วมหนึ่งร้อยนายมารื้อเต็นท์ถอดป้ายด้วยอารมณ์โกรธโมโหฉุนเฉียวเหมือนมีเรื่องโกรธแค้นกับฉันมานาน เขาขู่ตะคอกฉันตลอดเวลา จนฉันทำอะไรไม่ถูก ฉันโทร.เรียกเพื่อนให้ไปหาแต่เขาปิดถนนจึงไม่มีใครเข้าไปหาฉันได้

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ พูดว่า “ลุกๆ เก็บของทำอย่างนี้ได้ไง พื้นที่ต้องห้ามไม่รู้หรือไง ไอ้พวกชอบสร้างความเดือดร้อน พวกนี้พูดดีด้วยก็ไม่รู้เรื่องแล้วก็บอกว่าการศึกษาสูง กฎหมายบ้านเมืองไม่เคารพ คิดหรือว่ามาอยู่อย่างนี้แล้วเขาจะมองคุณ เขาไม่สนใจพวกคุณหรอก เขาเป็นผู้ใหญ่ ผมไม่ใช้กำลังกับพวกคุณก็ดีแล้ว เขาพูดถึงฉันที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บข้าวของอยู่ในเต็นท์ว่า เอ้า..ออกมา ไม่ออกมาเดี๋ยวจะให้ลูกน้องไปลากคุณออกมาแล้วจะตั้งข้อหาให้ ผมจะลากคุณขึ้นรถตู้แล้วตั้งขอหาให้

น้องขวัญซึ่งอุ้มลูกอยู่ก็พูดว่า “ท่านรู้ไหมคะ ท่านพูดแบบนี้เหมือนผัวหนูที่บ้านมันด่าหนูและไล่หนูออกจากบ้านเลย มันพูดมันทำเหมือนที่ท่านทำกับพวกหนูอย่างนี้แหละ” พล.ต.ต.วิชัย ยื่นเงินให้น้องขวัญ 3 พันบาทว่าเอาเงินไปซื้อนมให้ลูกแล้วกลับไปนอนบ้าน คุณทำงานอะไร อาชีพอะไร น้องขวัญไม่ยอมรับบอกว่าเรามาขอความเป็นธรรม ไม่ได้มาขอเงินขอนั่งอยู่ก่อน พล.ต.ต.วิชัย พูดว่าคุณจะนั่งเป็นปีเขาก็ไม่สนใจ พวกคุณสู้เขาไม่ได้หรอก ชอบสร้างแต่ความเดือดร้อน ทำให้อดหลับอดนอนมาปฏิบัติหน้าที่

มีการโต้เถียงกันไปมา ฉันถามไปว่าจะให้ไป สน.ดุสิต จะจับเราข้อหาอะไรเขาก็ยิ่งโมโหฉุนเฉียว ตะคอกฉันหนักเข้าไปอีก ตำรวจหญิงจะเข้ามาจับตัวฉันไปขึ้นรถ น้องขวัญเลยเข้ามากอดฉัน เราร้องไห้ดังๆ พอเขารื้อเต็นท์เสร็จก็พบว่ามีแค่ผู้หญิงสองคนกับเด็กและพี่ขันติพงษ์ ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่ลูกสาวตายทั้งกลมจาก รพ.แห่งหนึ่ง และยังหาความเป็นธรรมไม่ได้มานอนเป็นเพื่อนอีกหนึ่งคนเท่านั้น ฉันถาม พล.ต.ต.วิชัย ว่า ทำไมท่านถึงเกลียดหนูมากขนาดนี้ หนูไปทำอะไรให้ท่าน ทำไมไม่พูดกับหนูดีๆ ผู้หญิงแค่สองคน แต่ท่านนำตำรวจมาเป็นร้อย ฉันเห็นว่า พล.ต.ต.วิชัย ทำกับฉันและน้องขวัญเหมือนเป็นเราเป็นฆาตกรคดีร้ายแรงและอุกฉกรรจ์ มีรถตำรวจนำขบวนเสียงดังเหมือนเขาจะสลายม็อบคนเป็นหมื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เล่ามา ลูกน้อง พล.ต.ต.วิชัยได้บันทึกภาพรวมทั้งวิดีโอเอาไว้หมด แต่ชาวบ้านอย่างเราจดจำฝังใจทุกกิริยาอาการและวาจาที่ท่านพูดกับผู้หญิงได้แม้จะไม่ได้บันทึกวิดีโอก็ตาม ฉันขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำแต่ความถูกต้องด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด สุดท้ายฉันให้ตำรวจนำข้าวของย้ายไปที่ สน.ดุสิต ฉันกับเพื่อนตระเวนหารถรับจ้างไปขนของกว่าจะถึงบ้านก็ตี 4 กว่า

ถีงวันนี้...ฉันไม่ได้เสียใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำลงไป ฉันไม่เสียใจที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะ สามารถทำกับคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิตอย่างฉันได้ แต่ฉันเสียใจที่ท่านทำกับเพื่อนผู้เสียหายของฉัน ทำกับพวกเขาผู้ซึ่งมีแต่ความทุกข์ ครอบครัวพังพินาศ และหวังจะพึ่งท่านในฐานะนายกรัฐมนตรีที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาขอบบ้านเมือง ใครก็ตามที่สั่งให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ปฏิบัติกับฉันเหมือนเป็นเศษมนุษย์นั้น ฉันแทบไม่เชื่อว่าท่านจะทำได้ลงกับผู้หญิงและเด็กที่พิการได้ลง รัฐบาลท่านบอกว่าเห็นอกเห็นใจชาวบ้าน แต่การกระทำกลับจริงจังกับเสียงต่อต้านของแพทย์จนละเลยเสียงที่ทุกข์ยากของประชาชน จึงทำให้เหตุการณ์บานปลายสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับชาวบ้านที่ไม่มีทางสู้ไม่มีที่สิ้นสุด

ฉันต่อสู้กับความอยุติธรรมมาทุกรูปแบบ เดือนหน้าจะครบ 20 ปี พยายามอดทนต่อสู้ด้วยความเสียสละไม่เคยมีผลประโยชน์ใดๆ มาเกี่ยวข้อง เพียงหวังจะให้คนไข้ไทยที่ได้รับความเสียหายได้รับความเป็นธรรมและได้รับความปลอดภัยเท่านั้น ไม่เคยคิดทำลายวงการแพทย์ตามที่ถูกกล่าวหาหรือให้ร้ายแต่ประการใด แต่สิ่งต่างๆ ที่ได้รับการปฏิบัติ ใครก็ได้ในสังคมช่วยบอกทีว่าฉันควรจะทำอย่างไรและรู้สึกอย่างไร?




กำลังโหลดความคิดเห็น