xs
xsm
sm
md
lg

หมอเกรียงไกร-ขรก.บำนาญ บุก สธ.ร้องขอความเป็นธรรม “ถูกเด้งออกจากศูนย์แพทย์-เรียกเก็บเงิน 1.4 ล.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมอเกรียงไกร” พ่วงคนไข้ ขรก.บำนาญ บุก สธ.ร้องแพทยสภา-รมว.สธ.กรณีกรมบัญชีกลาง เรียกเก็บเงิน 1.4 ล้านบาท และถูกเด้งออกจากศูนย์แพทย์พัฒนา เหตุจ่ายยาเกินความจำเป็น ด้านผู้ป่วยกร้าว รัฐมุงประหยัดมากกว่าห่วงผู้ป่วยที่รับใช้ประเทศ “จุรินทร์” ปัดศูนย์แพทย์พัฒนาไม่ได้สังกัด สธ.แจงหากหมอไม่ผิดให้ชี้แจงตรงที่กรมบัญชีกลาง

วันนี้ (22 ก.พ.) เวลา 14.00 น.ที่แพทยสภา นพ.เกรียงไกร สาระคุณ อดีตแพทย์อายุรกรรมประจำคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา และกลุ่มข้าราชการบำนาญ กว่า 20 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อแพทยสภา กรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการที่กรมบัญชีกลาง ทำหนังสือมายังศูนย์การแพทย์พัฒนา ว่า พบการใช้จ่ายยาเกินความจำเป็น และมีการเรียกเงินคืนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของตนประมาณ 1.4 ล้านบาท และ นพ.เหลือพร ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการศูนย์แพทย์พัฒนาและคณะกรรมการการแพทย์ มีคำสั่งให้ตนออกจากคลินิก และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 51-53 ซึ่งเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมและกระทบต่อผู้ป่วย

นพ.เกรียงไกร กล่าวว่า ตนเป็นทำหน้าที่แพทย์รักษาผู้ป่วยมาเป็นเวลา 21 ปี ปัจจุบันดูแลผู้ป่วย 1,200-1,400 คนต่อเดือน ส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นข้าราชการร้อยละ 80 รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 10 และผู้ป่วยทั่วไป ร้อยละ 10 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นข้าราชการบำนาญที่มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรังหลายโรค การรักษา ตนยืนยันว่า ทำตามมาตรฐานและสามารถตรวจสอบได้ การให้คนไข้เปลี่ยนยา ถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงต่อคนไข้เอง โดยยาในบัญชียาหลักก็ใช่ว่าจะสามารถใช้ได้กับทุกโรค ซึ่งแพทย์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหากเกิดความผิดพลาด หรือผลเสียขึ้น ไม่ใช่กรมบัญชีกลาง การนำปริมาณการใช้ยามาสรุปว่าเกิดการทุจริตขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ซึ่งอยากให้แพทยสภาให้ความเป็นธรรมต่อกรณีดังกล่าว เพราะตนรักษาตามเหตุผลและสามารถอธิบายได้

“การรักษาเป็นไปตามเหตุผล การดูแลผู้ป่วยสูงวัยและมีโรคเรื้อรังต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ควรให้คนไข้ต้องกลายเป็นหนูทดลอง การเปลี่ยนยาหากมีผลกระทบต่อผู้ป่วยใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ อยากฝากว่าก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินอะไรก็อยากให้ฟังเสียงข้าราชการ ไม่ใช่นำงบประมาณมาตัดสินคุณภาพการรักษา ที่ผ่านมา ตนไม่เคยมีปัญหากับหน่วยงานต้นสังกัด แต่น่าจะเป็นนโยบาย คือบีบแพทย์ที่ใช้ยานอกบัญชียาหลัก หากปล่อยให้กรมบัญชีกลางทำเช่นนี้แล้วแพทย์จะทำงานอย่างไร”นพ.เกรียงไกร กล่าว

นพ.เกรียงไกร กล่าวต่อว่า การที่หน่วยงานให้ตนออกจากราชการ ถือเป็นความไม่ยุติธรรม เพราะข้อกล่าวหาของกรมบัญชีกลางนั้น ตนสามารถชี้แจงได้ทุกข้อ เช่น การกล่าวหาว่าไม่ลงบันทึกการรักษา เนื่องจากไม่สามารถอ่านลายมือของแพทย์ได้ ซึ่งแต่ละวันแพทย์ต้องตรวจคนไข้จำนวนมาก คงไม่สามารถเขียนลายมือตัวบรรจงได้ และการบันทึกดังกล่าวก็สามารถอธิบายได้ทั้งสิ้น หรือ การกล่าวหาว่า จ่ายยาเกินจำนวนรายการการรักษา ก็ไม่มีการสอบถามว่าสาเหตุเป็นอย่างไร ซึ่งการจ่ายยาแต่ละครั้งแพทย์จะมีระยะเวลาการใช้ยาและสั่งจ่ายโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องและใช้เมื่อมีอาการ หรือ กำหนดระยะเวลาใช้ไม่ได้ใช้ทุกวัน การนับยารวมและสรุปว่าเป็นการทุจริตจึงไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ ยังไม่เคยมีการเรียกตนไปชี้แจงข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

พ.ต.ท.เดชา นิรารักษ์ ผู้ป่วยบำนาญ อายุ 67 ปี อดีตสารวัตรธุรการ สน.วังทองหลาง กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคหัวใจ ซึ่งเข้ารับการตรวจโดย นพ.เกรียงไกร อยู่หลายครั้งจนทราบว่าเป็นโรคหัวใจและส่งต่อเพื่อรับการผ่าตัด ที่ รพ.ทรวงอก หลังจากนั้น ก็พบ นพ.เกรียงไกร มาตลอด ซึ่งสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี แสดงถึงความเอาในใส่ต่อคนไข้ จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาล ว่า ข้าราชการบำนาญเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศมาตลอดทั้งชีวิต การดูแลข้าราชการ จะให้สิทธิใช้ยาที่ดีไม่ได้หรืออย่างไร

นางประเจิด เย็นบำรุง ข้าราชการบำนาญ อายุ 80 ปี อดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ตนป่วยด้วยโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินอาหาร เนื้องอกที่ลำไส้ ต่อมลูกหมากโต และเข้ารักษาตัวกับ นพ.เกรียงไกร ที่คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนามานานนับ 10 ปี รับยาอย่างต่อเนื่อง แต่พอโดนระงับยาที่จำเป็นก็ทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ เช่น ปวดท้อง ทานข้าวไม่ค่อยได้ อีกทั้งครอบครัวของตนที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังและรักษากับแพทย์คนเดียวกันก็ต้องเดือดร้อนตามไปด้วย

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การตัดสินของกรมบัญชีกลาง เป็นการตัดสินตามเกณฑ์ของหน่วยงานเอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ไม่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ไม่ได้อยู่ในสังกัดของกระทรวง ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่า การตัดสินของกรมบัญชีกลางนั้นไม่ได้เหมารวมแพทย์ทุกคนที่มีกรณีคล้ายกัน หากแพทย์รายดังกล่าวมีการทำตามเกณฑ์ที่ถูกต้องตามหลักของกรมบัญชีกลาง โดยยืนยันว่าจ่ายยาตามความจำเป็น และเพื่อสิทธิประโยชน์ของคนไข้ แพทย์ก็สามารถเข้าชี้แจงโดยตรงได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 17.00 น.ทาง นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ.ได้ลงมารับเรื่องจากผู้ชุมนุมและได้กล่าวชี้แจงแก่ผู้ชุมนุมทุกคน ว่า ซึ่งในส่วน สธ.เองจะรับเรื่องร้องเรียนไว้เพื่อความสบายใจของทุกคน
กำลังโหลดความคิดเห็น