ปลัด ก.แรงงาน มอบนโยบายทูตแรงงานไทย 13 ประเทศ กำชับดูแลแรงงานไทย โดยเฉพาะตะวันออกกลาง และแอฟริกา หลังพบสัญญาจ้างมีปัญหา ตั้งเป้าปีนี้ส่งแรงงานไทยไปไต้หวันให้ถึงแสนคน
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่กระทรวงแรงงาน นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังมอบนโยบายการปฏิบัติงาน เรื่อง การส่งเสริมตลาดแรงงานและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์แรงงานไทยในต่างประเทศ ให้กับเอกอัครราชทูตที่ปรึกษาแรงงานไทยในต่างประเทศทั้ง 13 ประเทศ ว่า จากที่ได้รับรายงานว่ามีแรงงานไทยในประเทศแถบตะวันออกกลาง และ แอฟริกา เช่น อิสราเอล และ ลิเบีย ประสบปัญหาเกี่ยวกับสัญญาจ้างและระบบการจ้างงาน เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีธรรมเนียมการจ่ายค่าจ้าง และสัญญาจ้างงานที่แตกต่างจากประเทศอื่น ส่งผลให้เมื่อทำงานครบสัญญาจ้าง แรงงานไทยต้องรอการดำเนินการขอ Exit Visa และการได้ค่าจ้างที่ล่าช้า
ทั้งนี้ จึงได้มีการมอบให้กรมการจัดหางาน สร้างความเข้าใจกับผู้ต้องการเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก่อนตัดสินใจจะเดินทางไปทำงาน เพราะล่าสุดปีที่แล้วมีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางกว่า 33,000 คน ส่วนกลุ่มประเทศแอฟริกา มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานกว่า 7,000 คน พร้อมทั้งกำชับเอกอัครราชทูตที่ปรึกษาแรงงานไทยในต่างประเทศ เร่งหาตำแหน่งงานฝีมือและกึ่งฝีมือ มาทดแทนงานไร้ฝีมือ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับแรงงาน รวมทั้งเพิ่มรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น ซึ่งจากการส่งรายได้กลับของแรงงานไทย เฉลี่ยปีละเกือบ 60,000 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ในปีนี้ (2554) กระทรวงแรงงานจะรุกตลาดแรงงานไทยในไต้หวันเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีแรงงานไทยทำงานในตำแหน่ง ช่างก่อสร้าง แม่บ้าน และงานบริการแล้วกว่า 60,000 คน เพิ่มเป็น 100,000 คน โดยอาศัยช่วงวิกฤติปัญหาด้านการเมืองระหว่างไต้หวัน และฟิลิปปินส์ มาเป็นโอกาส ส่งแรงงานไทยไปทำงานเพิ่มขึ้น
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่กระทรวงแรงงาน นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังมอบนโยบายการปฏิบัติงาน เรื่อง การส่งเสริมตลาดแรงงานและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์แรงงานไทยในต่างประเทศ ให้กับเอกอัครราชทูตที่ปรึกษาแรงงานไทยในต่างประเทศทั้ง 13 ประเทศ ว่า จากที่ได้รับรายงานว่ามีแรงงานไทยในประเทศแถบตะวันออกกลาง และ แอฟริกา เช่น อิสราเอล และ ลิเบีย ประสบปัญหาเกี่ยวกับสัญญาจ้างและระบบการจ้างงาน เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีธรรมเนียมการจ่ายค่าจ้าง และสัญญาจ้างงานที่แตกต่างจากประเทศอื่น ส่งผลให้เมื่อทำงานครบสัญญาจ้าง แรงงานไทยต้องรอการดำเนินการขอ Exit Visa และการได้ค่าจ้างที่ล่าช้า
ทั้งนี้ จึงได้มีการมอบให้กรมการจัดหางาน สร้างความเข้าใจกับผู้ต้องการเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก่อนตัดสินใจจะเดินทางไปทำงาน เพราะล่าสุดปีที่แล้วมีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางกว่า 33,000 คน ส่วนกลุ่มประเทศแอฟริกา มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานกว่า 7,000 คน พร้อมทั้งกำชับเอกอัครราชทูตที่ปรึกษาแรงงานไทยในต่างประเทศ เร่งหาตำแหน่งงานฝีมือและกึ่งฝีมือ มาทดแทนงานไร้ฝีมือ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับแรงงาน รวมทั้งเพิ่มรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น ซึ่งจากการส่งรายได้กลับของแรงงานไทย เฉลี่ยปีละเกือบ 60,000 ล้านบาท
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ในปีนี้ (2554) กระทรวงแรงงานจะรุกตลาดแรงงานไทยในไต้หวันเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีแรงงานไทยทำงานในตำแหน่ง ช่างก่อสร้าง แม่บ้าน และงานบริการแล้วกว่า 60,000 คน เพิ่มเป็น 100,000 คน โดยอาศัยช่วงวิกฤติปัญหาด้านการเมืองระหว่างไต้หวัน และฟิลิปปินส์ มาเป็นโอกาส ส่งแรงงานไทยไปทำงานเพิ่มขึ้น