“ครูมืออาชีพ” รายการ (ดี) ที่ครูควรดู

โดย...อัจฉรา พุ่มจันทร์ มจษ.

เชื่อเหลือเกินว่าคงมี “ครู” จำนวนไม่น้อย ที่ไม่รู้ว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มี “โทรทัศนครู” เป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อรายการว่า “ครูมืออาชีพ” ซึ่งภายหลังจากลงจอแก้วไปพักใหญ่ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.45-06.00 น.และ เวลา 17.45-18.00 น แล้วก็ตาม แต่กระแสตอบรับที่มุ่งหวังให้เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายคือครูทั้งประเทศได้รับชมกลับไม่ค่อยได้ตามเป้าเท่าที่ควร
แต่ในจำนวน พ่อพิมพ์ แม่พิมพ์ ที่ไม่รู้จักรายการนี้ อย่างน้อยก็มีครูจำนวนหนึ่งในโรงเรียนบ้านวังสาร จ.พิษณุโลก โดย การนำของ “ผอ.นวลจันทร์ จันทร์เจริญ” กลับให้ความสนใจ และเห็นประโยชน์

ผอ.นวลจันทร์ เล่าย้อนถึงปัญหาของการเรียนการสอนในโรงเรียน ว่า สิ่งที่เป็นปัญหาของเพื่อนครูในโรงเรียน คือ 1.เรื่องบุคลิกภาพ เช่น การใช้คำพูดในการอธิบาย อธิบายเร็ว ข้ามขั้นตอน จนบางครั้งครูไม่ปล่อยเวลาให้เด็กคิด เมื่อเด็กตอบผิดครูก็เริ่มหงุดหงิด ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ 2.ครูขาดการการออกแบบนวัตกรรมสื่อการสอน ที่น่าสนใจ

จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้มีการนำดีวีดีของรายการครูมืออาชีพ มาปรับใช้กับการเรียนการสอน ซึ่ง ผอ.นวลจันทร์ บอกว่า รายการนี้ถือเป็นนวัตกรรมในรูปของรายการโทรทัศน์ที่ทำให้ครูได้เรียนรู้ถึงเทคนิคและวิธีการสอนอย่างสร้างสรรค์ในแต่ละหมวดหมู่วิชา และนำมาปรับใช้กับการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี โดยดีวีดีรายการดังกล่าวมีทั้งหมด 8 กลุ่มสาระ คือ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ พลศึกษา คอมพิวเตอร์ ศิลปะ และ วิทยาศาสตร์

ทั้งนี้ พบข้อน่าสังเกตที่สามารถนำมาปรับรูปแบบการสอนของเพื่อนครูได้คือ ครูผู้สอนในรายการจะสอนด้วยความใจเย็น ให้เวลาเด็กได้คิด เมื่อเด็กตอบผิดก็จะไม่เกรี้ยวกราด ไม่ตำหนิเด็กเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช้คำพูดที่เร่งเล้าเด็กจนเกินไป ทั้งยังออกแบบการสอนที่น่าสนใจ เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น จากนั้นตนจึงแนะนำให้ครูในโรงเรียนได้ติดตามชม อีกทั้งยังนำดีวีดีที่ได้รับจากการสมัครเป็นสมาชิกมาเผยแพร่และให้ครูแต่ละกลุ่มสาระไปศึกษาเทคนิคการสอน ตลอดจนออกแบบการสอนให้

สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น ผอ.นวลจันทร์ บอกว่า จากการสังเกตครูมีเทคนิคในการสอนเพิ่มขึ้น ซึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ครูจะมีการพาเด็กไปเรียนรู้นอกห้องเรียนมากขึ้น มีการจัดสถานการณ์สมมติ นำมาประยุกต์ให้เด็กที่เรียนอ่อน ปานกลาง และเก่ง มาทำกิจกรรม เรียนรู้ร่วมกันได้ ทั้งนี้ครูยังมีความใจเย็นในการสอน จนทำให้บุคลิกภาพของครูดูดีขึ้น ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ของเด็ก มีความกล้าคิด กล้าตอบ มากขึ้น นำไปสู่การมีบรรยากาศในห้องเรียนที่ไม่ตึงเครียด

“สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละแห่งควรมีการจัดสัมมนาให้ผู้บริหาร และครูที่ได้รับชมรายการจากโทรทัศน์ครู มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้กัน จากนั้นให้มีผู้รับผิดชอบอย่างจริงจัง เพื่อติดตามผลเป็นระยะๆ ว่า แต่ละโรงเรียนสามารถพัฒนาต่อยอดความรู้ในส่วนไหน และมีผลสัมฤทธิ์อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ เชื่อว่า หากทดลองอย่างเข้มข้นประมาณ 2 ปี จะได้ผลสัมฤทธิ์อย่างที่ร.ร.บ้านวังสารทำอย่างแน่นอน” ผอ.นวลจันทร์ เสนอ

ถึงตรงนี้ ผอ.นวลจันทร์ ทิ้งท้ายด้วยว่า การพัฒนาวิชาชีพครูในหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้น จะเน้นการฝึกอบรม โดยหวังให้ครูร่วมกันต่อยอดความรู้ของตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่ บางครั้งเป็นการบังคับ ขอความร่วมมือ เรียกได้ว่าอบรมตามใบสั่ง จนบางครั้งเป็นการเพิ่มภาระให้ครู ดึงครูออกห่างจากเด็ก และสิ่งที่ฝึกอบรมบางครั้งก็ไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็ยิ่งทำให้เกิดการสูญเปล่าของงบประมาณ และทำให้เสียเวลาอีกด้วย ดังนั้นการเรียนรู้ด้วยตัวครูเองจากรายการที่จัดทำขึ้นมาเพื่อครูเองก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพครูได้ทันสมัย น่าสนใจมากขึ้น