ผอ.ส่วนคุ้มครองฯ มส.เผย พระปลอมเป็นมืออาชีพ ทำเป็นแก๊ง ลงพื้นที่จับกุมหลายครั้ง แต่ไม่เคยหมด เหมือนโปลิศจับขโมย ด้านสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมฯ เสนอ ให้รัฐบาลกำหนดนโยบายการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ชัดเจน พร้อมเร่งรัฐแก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
จากกรณีที่ชาวบ้านร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)เกี่ยวกับพระธุดงค์ปลอมระบาด เรี่ยไร บิณฑบาต ในหลายพื้นที่นั้นล่าสุด
วันนี้ (24 ม.ค.)นายเอนก สนามชัย ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ส่วนคุ้มครองฯ ได้ดำเนินการลงไปตรวจสอบเกี่ยวกับพระธุดงค์ในหลายพื้นที่ ซึ่งทางส่วนคุ้มครองจะไม่พบตัวจริงของกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นพระธุดงค์เหล่านั้น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นมืออาชีพ จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่า พระธุดงค์ที่ออกมาเรี่ยไร มีทั้งพระจริงและพระปลอม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพระปลอม ดังนั้น ทางส่วนคุ้มครองจะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ล่าสุด ในพื้นที่บางใหญ่และพื้นที่บางกรวยได้ร้องเรียนเข้ามายังส่วนคุ้มครองแล้ว ตนจะเร่งดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกรอบ โดยเฉพาะพื้นที่บางกรวย โดยเฉพาะหมู่บ้านสมชาย จ.นนทบุรี เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักอาศัยของตนด้วย
“พระปลอมส่วนใหญ่จะทำกันเป็นมืออาชีพ เราก็พยายามตรวจจับแต่ก็ไม่เคยหมด ไม่ทันเจอตัว เหมือนโปลิศจับขโมย ดังนั้น ประชาชนควรสังเกต และดูจากพฤติกรรม หากมีเบาะแสก็สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์ 0-2441-4547” ผอ.ส่วนคุ้มครองฯ กล่าว
ด้านนายสมพร เทพสิทธา ประธานคณะทำงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้รับทราบความเห็นของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ เกี่ยวกับเรื่อง พระพุทธศาสนากับภาวะวิกฤตของชาติ เช่น รัฐบาลควรกำหนดนโยบายการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้ชัดเจน ควรระบุว่า รัฐบาลจะอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 79 รัฐบาลควรให้มีแผนทำนุ บำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา จัดทำยุทธศาสตร์ ติดตามผล ประเมินผล และที่สำคัญ ยังเสนอแนวทางในด้านของกฎหมายและโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยรัฐบาลควรเร่งรัดในการออกร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา รัฐบาลควรปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไข พ.ศ.2535 ซึ่งใช้มามากกว่า 40 ปีแล้ว เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายสมพร กล่าวต่อว่า หลังจากที่ ครม.รับทราบแล้ว ตนจะติดตามการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในการตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ เนื่องจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ.เพื่อให้ พศ.หารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอมายัง ครม.ด้วย เพราะโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะมีการปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และปรับโครงสร้างมหาเถรสมาคม (มส.) ใหม่ เพราะปัจจุบันเป็นการรวมอำนาจทุกอย่างอยู่ที่ มส.มากเกินไป จึงควรมีการกระจายอำนาจ แบ่งการทำงานคณะสงฆ์เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อย่างชัดเจน
“ร่างฉบับแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ได้มีการดำเนินการแล้วในสมัยสมัยรัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และยังผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม มส.แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ ซึ่งนานมากแล้ว และเห็นว่า ควรที่จะมีการกลับไปพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ดังกล่าวอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อคณะสงฆ์” นายสมพร กล่าว
จากกรณีที่ชาวบ้านร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)เกี่ยวกับพระธุดงค์ปลอมระบาด เรี่ยไร บิณฑบาต ในหลายพื้นที่นั้นล่าสุด
วันนี้ (24 ม.ค.)นายเอนก สนามชัย ผู้อำนวยการส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ส่วนคุ้มครองฯ ได้ดำเนินการลงไปตรวจสอบเกี่ยวกับพระธุดงค์ในหลายพื้นที่ ซึ่งทางส่วนคุ้มครองจะไม่พบตัวจริงของกลุ่มคนที่อ้างตัวเป็นพระธุดงค์เหล่านั้น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นมืออาชีพ จากการตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่า พระธุดงค์ที่ออกมาเรี่ยไร มีทั้งพระจริงและพระปลอม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพระปลอม ดังนั้น ทางส่วนคุ้มครองจะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ล่าสุด ในพื้นที่บางใหญ่และพื้นที่บางกรวยได้ร้องเรียนเข้ามายังส่วนคุ้มครองแล้ว ตนจะเร่งดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกรอบ โดยเฉพาะพื้นที่บางกรวย โดยเฉพาะหมู่บ้านสมชาย จ.นนทบุรี เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักอาศัยของตนด้วย
“พระปลอมส่วนใหญ่จะทำกันเป็นมืออาชีพ เราก็พยายามตรวจจับแต่ก็ไม่เคยหมด ไม่ทันเจอตัว เหมือนโปลิศจับขโมย ดังนั้น ประชาชนควรสังเกต และดูจากพฤติกรรม หากมีเบาะแสก็สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์ 0-2441-4547” ผอ.ส่วนคุ้มครองฯ กล่าว
ด้านนายสมพร เทพสิทธา ประธานคณะทำงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้รับทราบความเห็นของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ เกี่ยวกับเรื่อง พระพุทธศาสนากับภาวะวิกฤตของชาติ เช่น รัฐบาลควรกำหนดนโยบายการทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้ชัดเจน ควรระบุว่า รัฐบาลจะอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 79 รัฐบาลควรให้มีแผนทำนุ บำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา จัดทำยุทธศาสตร์ ติดตามผล ประเมินผล และที่สำคัญ ยังเสนอแนวทางในด้านของกฎหมายและโครงสร้างหน่วยงานรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยรัฐบาลควรเร่งรัดในการออกร่าง พ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา รัฐบาลควรปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไข พ.ศ.2535 ซึ่งใช้มามากกว่า 40 ปีแล้ว เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายสมพร กล่าวต่อว่า หลังจากที่ ครม.รับทราบแล้ว ตนจะติดตามการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในการตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ เนื่องจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ.เพื่อให้ พศ.หารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอมายัง ครม.ด้วย เพราะโดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะมีการปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และปรับโครงสร้างมหาเถรสมาคม (มส.) ใหม่ เพราะปัจจุบันเป็นการรวมอำนาจทุกอย่างอยู่ที่ มส.มากเกินไป จึงควรมีการกระจายอำนาจ แบ่งการทำงานคณะสงฆ์เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ อย่างชัดเจน
“ร่างฉบับแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ได้มีการดำเนินการแล้วในสมัยสมัยรัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และยังผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม มส.แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ ซึ่งนานมากแล้ว และเห็นว่า ควรที่จะมีการกลับไปพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ดังกล่าวอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อคณะสงฆ์” นายสมพร กล่าว
