“ชินวรณ์” จัดศูนย์ปฐมวัย 29,000 แห่ง พัฒนาสมองเด็ก ก่อนศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ. กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ศธ.จัดทำคำรับรองปฏิบัติราชการของศธ.ประจำปีงบประมาณ 2554 โดยทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กำหนดตัวชี้วัดของศธ. 12 ตัวชี้วัด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเดิมในปีที่แล้ว 9 ตัวชี้วัด และมีตัวชี้วัดใหม่ 3 ตัวชี้วัด คือ 1. สัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะกับสายสามัญศึกษา 2. อัตราการเรียนรู้หนังสือของประชากรช่วงอายุ 16-60 ปี และ 3. ระดับความสำเร็จในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่มีเป้าหมายร่วมกันระหว่างกระทรวง สำหรับตัวชี้วัดของศธ.นั้นจะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่เป็นภาระกับหน่วยงานเกินไป และหากตัวชี้วัดใดซับซ้อนอาจจะดำเนินการขอยกเลิก ทั้งนี้ช่วงระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ. จะมีการประชุมเจรจาความเหมาะสมตัวชี้วัดค่าเป้าหมายและเกณฑ์การให้คะแนน โดยตน องค์กรหลักศธ. และคณะกรรมการเจรจาข้อตกลง และประเมินผลต่อไป
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สพฐ.ยังรายงานแนวทางการจัดการศึกษาปฐมวัยนั้น ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของ ศธ. และนโยบายการปฏิรูปประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยทางศธ.จะเข้าไปดูแลเด็กอายุ 0-3 ปี และเด็กอายุ 3-6 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้คณะทำงานรายงานว่าขณะนี้ทางรัฐบาลมีเป้าหมายในการจัดศูนย์ปฐมวัย หรือการจัดการศึกษาปฐมวัยให้ได้ 29,000 แห่ง โดยมอบให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ดูแลโรงเรียนอนุบาลต้นแบบ 80 แห่ง และอนุบาลแบบปฐมวัย 1,830 แห่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก ส่วนโรงเรียนอนุบาลต้นแบบเป็นโรงเรียนอนุบาลจังหวัดเดิมซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ที่ประชุมมุ่งเน้นถึงสภาพปัญหาที่จะต้องปลูกฝังทางด้านการพัฒนาสมองเด็กไทย รวมถึงการปลูกฝังด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ตั้งแต่เด็กประถมศึกษา พร้อมทั้งการส่งเสริมการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงาน ซึ่งจะให้สพท. เป็นต้นแบบการศึกษาประถมวัย ให้โรงเรียนดีประจำตำบลเป็นต้นแบบในระดับตำบล พร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขยายให้เต็มพื้นที่ ทั้งนี้ยังมีอีก 400 ตำบล ที่ ซึ่งได้รับรายงานจากนายกรัฐมนตรีว่า ถ้ายังไม่มีการจัดตั้งศูนย์การศึกษาเด็กประถมวัย ตนจะมอบหมายให้สพท. ไปสำรวจว่า 400 ตำบลอยู่ที่ไหน และดำเนินการให้จัดตั้งศูนย์ประถมวัยให้ครบภายในปี 2554 นี้ อย่างไรก็ตามจะดำเนินการของโรงเรียนคู่พัฒนา คือโรงเรียนอนุบาลจังหวัดต้องคู่พัฒนากับโรงเรียนดีประจำตำบลในระดับประถมวัย และโรงเรียนดีประจำตำบลจะต้องเป็นต้นแบบให้กับศูนย์ประถมวัยศูนย์องค์กรส่วนท้องถิ่นต่อไป
