พม.หวั่นมาตรการห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม ละเมิดสิทธิเด็ก เพราะยังไม่มีมาตรการรองรับ อาจทำเด็กเสียอนาคต เล็งนัดหารือตำรวจ ถกหาทางออกที่ชัดเจน ด้านครูหยุย ชี้ ควรเน้นที่สถานบันเทิง หรือ ร้านเกม มากกว่า
วันนี้ (21 ม.ค.) เวลา 10.00 น.ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลัง “การประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554” โดยกล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมออกมาตรการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลังเวลา 22.00 น.เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ว่า จากการหารือร่วมกับคณะกรรมการ มีทั้งส่วนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับมาตรการเคอร์ฟิวเด็ก อายุต่ำกว่า 18 ปี
โดยส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ในเรื่องของหลักการ ที่มุ่งลดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นต่อเด็กและเยาวชน แต่ยังมีข้อกังวลในวิธีการปฏิบัติตามมาตรการ ซึ่งอาจไปละเมิดสิทธิเด็กและยังไม่มีกฎหมายมารองรับที่ชัดเจน เช่น พบเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วนำไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสม อีกทั้งมีความห่วงใยในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจบางคน ซึ่งอาจดำเนินการอย่างไม่โปร่งใส แสวงหาผลประโยชน์จากคำสั่งของต้นสังกัดไปยัดเยียดข้อกล่าวหาต่อผู้บริสุทธิ์ ซึ่งปรากฏตามข่าวอยู่บ่อยครั้ง ดังกรณีนิสิตจุฬาฯ โดนยัดข้อหามียาเสพติดไว้ครอบครอง โดยภายหลังพิสูจน์ได้ว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด เป็นต้น
โดยเฉพาะการไปปฏิบัติต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก จะเป็นการทำร้ายจิตใจ ทำให้เด็กเสียอนาคต และไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ได้ และเห็นว่า เครื่องมือทางกฎหมายที่มีอยู่เดิมนั้น เช่น การใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สามารถใช้จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพออยู่แล้ว
“เบื้องต้นมีข้อสรุปว่า ควรให้ตำรวจชี้แจงถึงมาตรการ และวิธีปฏิบัติในเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะได้เร่งนัดหารือกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหรือผู้แทน เพื่อทำความเข้าใจและกำหนดมาตรการที่ชัดเจนร่วมกันต่อไป” นายอิสสระ กล่าว
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า ในกรณีนี้ควรมุ่งเน้นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ในการจัดการกับสถานที่ประกอบการที่ล่อแหลม เช่น สถานบันเทิง หรือร้านเกม ซึ่งไม่ควรเปิดให้บริการแก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หลังเวลา 22.00 น.มากกว่าการวางมาตรการกำหนดโทษต่อตัวเด็กโดยตรง อีกทั้งการสอดส่องดูแลเด็กนั้น ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ควรให้ความสำคัญเฉพาะหลังเวลา 22.00 น.เท่านั้น