สคบ.เร่งคุมปืนอัดลมเลเซอร์เป็นสินค้าควบคุมฉลากภายใน 30 วัน หลังหลีกเลี่ยงขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี พบวางขายให้เด็กเล่นเกลื่อน เด็กได้รับอันตราย 4,792 รายต่อปี เกรงอันตรายจากแสงเลเซอร์ ชี้จ้องนานเกิน 25 วินาที อาจทำให้จอประสาทตาไหม้-ลูกตาแตกได้ คาดโทษผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนทั้งจำทั้งปรับ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แถลงข่าวผลการทดสอบพิสูจน์ความไม่ปลอดภัยหรืออันตรายจากปืนอัดลมเลเซอร์ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับความคุ้มครองผู้บริโภค จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับหนังสือร้องเรียนจากศาลากลาง จ.ลำพูน พบว่ามีเด็กซื้อปืนอัดลมและลำกล้องมีแสงเลเซอร์สีแดง เห็นว่าแสงเลเซอร์อาจเป็นอันตราย สคบ.จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์วิจัยสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก (รพ.รามาธิบดี) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
นายองอาจกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการเก็บตัวอย่างปืนอัดลมเลเซอร์จากแหล่งจำหน่ายรายใหญ่ ซึ่งผลพิสูจน์พบว่าความยาวคลื่นและกำลังแสงเลเซอร์ที่ค่าเกินมาตรฐานกำหนด 3-4 เท่า หากจ้องเกิน 25 วินาทีจะมีผลให้จอประสาทตาไหม้ได้ ขณะที่ความเร็วและแรงวิถีกระสุนปืนวัดได้เกินมาตรฐานในของเล่น 2-3 เท่า สำหรับเลเซอร์ไม่ว่าจะมีความยาวคลื่นเท่าใดและจะอยู่ห่างเท่าใด ก็จะทำให้ตาบอดได้ ส่วนความเร็วและความแรงของวิถีกระสุนสามารถทำอันตรายต่อผิวหนังและตาได้ เนื่องจากความเร็วของกระสุนที่ออกมามีความเร็ว 250-554 ฟุตต่อวินาที หากเข้าตาจะทำให้มีเลือดออกในช่องลูกตา บางรายอาจเกิดต้องกระจกภายหลังได้ หรือกล้ามเนื้อตาอาจเกิดการแตกของลูกและต้องผ่าตัด
นายองอาจกล่าวอีกว่า สำหรับสถิติในประเทศไทย มีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากปืนอัดลม 4,792 รายต่อปี สคบ.จึงมีแนวทางคุ้มครองความปลอดภัย ดังนี้ ผู้นำเข้า ผู้ผลิตต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ผู้ประกอบการจะต้องติดฉลากระบุอายุที่เหมาะสม ค่าความเร็วและความแรงวิถีกระสุน หลีกเลี่ยงการจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ส่วน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ม.30 ระบุว่า สินค้าที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ จะต้องมีฉลากบอกรายละเอียด
“สินค้าที่รับการร้องเรียนพบว่าไม่มีฉลาก จึงจะเร่งรัดให้คณะกรรมการว่าด้วยฉลากพิจารณาจัดให้ปืนอัดลมเป็นสินค้าควบคุมฉลากเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใน 30 วัน หลังจากนั้นหากมีการฝ่าฝืน ผู้ประกอบการทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าที่ควบคุมฉลากแต่ไม่จัดให้มีฉลากหรือฉลากไม่ถูกต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” นายองอาจกล่าว
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แถลงข่าวผลการทดสอบพิสูจน์ความไม่ปลอดภัยหรืออันตรายจากปืนอัดลมเลเซอร์ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับความคุ้มครองผู้บริโภค จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับหนังสือร้องเรียนจากศาลากลาง จ.ลำพูน พบว่ามีเด็กซื้อปืนอัดลมและลำกล้องมีแสงเลเซอร์สีแดง เห็นว่าแสงเลเซอร์อาจเป็นอันตราย สคบ.จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์วิจัยสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก (รพ.รามาธิบดี) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
นายองอาจกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการเก็บตัวอย่างปืนอัดลมเลเซอร์จากแหล่งจำหน่ายรายใหญ่ ซึ่งผลพิสูจน์พบว่าความยาวคลื่นและกำลังแสงเลเซอร์ที่ค่าเกินมาตรฐานกำหนด 3-4 เท่า หากจ้องเกิน 25 วินาทีจะมีผลให้จอประสาทตาไหม้ได้ ขณะที่ความเร็วและแรงวิถีกระสุนปืนวัดได้เกินมาตรฐานในของเล่น 2-3 เท่า สำหรับเลเซอร์ไม่ว่าจะมีความยาวคลื่นเท่าใดและจะอยู่ห่างเท่าใด ก็จะทำให้ตาบอดได้ ส่วนความเร็วและความแรงของวิถีกระสุนสามารถทำอันตรายต่อผิวหนังและตาได้ เนื่องจากความเร็วของกระสุนที่ออกมามีความเร็ว 250-554 ฟุตต่อวินาที หากเข้าตาจะทำให้มีเลือดออกในช่องลูกตา บางรายอาจเกิดต้องกระจกภายหลังได้ หรือกล้ามเนื้อตาอาจเกิดการแตกของลูกและต้องผ่าตัด
นายองอาจกล่าวอีกว่า สำหรับสถิติในประเทศไทย มีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากปืนอัดลม 4,792 รายต่อปี สคบ.จึงมีแนวทางคุ้มครองความปลอดภัย ดังนี้ ผู้นำเข้า ผู้ผลิตต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ผู้ประกอบการจะต้องติดฉลากระบุอายุที่เหมาะสม ค่าความเร็วและความแรงวิถีกระสุน หลีกเลี่ยงการจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ส่วน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ม.30 ระบุว่า สินค้าที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ จะต้องมีฉลากบอกรายละเอียด
“สินค้าที่รับการร้องเรียนพบว่าไม่มีฉลาก จึงจะเร่งรัดให้คณะกรรมการว่าด้วยฉลากพิจารณาจัดให้ปืนอัดลมเป็นสินค้าควบคุมฉลากเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใน 30 วัน หลังจากนั้นหากมีการฝ่าฝืน ผู้ประกอบการทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีที่เป็นผู้จำหน่ายสินค้าที่ควบคุมฉลากแต่ไม่จัดให้มีฉลากหรือฉลากไม่ถูกต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” นายองอาจกล่าว
