จันทบุรี- ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 9 เปิดโครงการรักในหลวง รักษ์ดวงตา รักษาด้วยเลเซอร์ ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ห้องประชุมรำไพพรรณี ชั้น 7 ตึกประชาธิปกศักดิ์เดช โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี เภสัชกรหญิงวีระวรรณ แตงแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 9 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรักในหลวง รักษ์ดวงตา รักษาด้วยเลเซอร์ ถวายเป็นพระราชกุศล โดยมีนายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์ชุมพล สุวรรณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประชาชน ให้การต้อนรับและร่วมในโครงการ
เภสัชกรหญิงวีระวรรณ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงห่วงใยสุขภาพของพสกนิกรชาวไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน ถวายเป็นพระราชกุศลฯมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วและได้มอบหมายให้เขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 9 เป็นเขตนำร่องในการดูแลตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาเพื่อรักษาด้วยการฉายเลเซอร์จอประสาทตา และเป็นต้นแบบการดำเนินงานให้ทุกภูมิภาค จึงได้จัดทำโครงการรักษ์ในหลวง รักษ์ดวงตา รักษาด้วยเลเซอร์ ถวายเป็นพระราชกุศลฯของเขตตรวจราชการกระรวงสาธารณสุขเขต 9 ขึ้น
ปัจจุบันสถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 มีผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ จำนวน 338,551 ราย เสียชีวิต 7,725 ราย คาดว่าทั่วประเทศมีผู้ป่วยเบาหวานประมาณกว่า 3 ล้านคน และเป็นสาเหตุอันดับ 2 ที่ทำให้คนไทยตาบอดรองจากตาต้อกระจก โดยผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงตาบอดมากกว่าคนทั่วไป ผู้ป่วยบางคนไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน และเมื่อเป็นเบาหวานนานๆพบว่า จะมีปัญหาตาบอด 3 คนจาก 100 คน ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งนี้เนื่องจากจอประสาทตาผิดปกติจากเบาหวานเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้การเห็นผิดปกติ ซึ่งผู้ที่เป็นเบาหวานทุกคนมีโอกาสเกิดภาวะดังกล่าวได้ และยิ่งเป็นเบาหวานนานก็ยิ่งมีโอกาสเกิดมากขึ้น
เภสัชกรหญิงวีระวรรณ กล่าวต่อไปว่า ทั่วไปจอประสาทตาผิดปกติจากเบาหวานจะไม่พบอาการในระยะแรก อาการมัวตาจะเกิดขึ้นในภายหลังเมื่อจุดรับภาพ ได้รับผลกระทบทำให้การเห็นลดลง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่จะป้องกันจอประสาทตาผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวาน คือ การตรวจพบและการได้รับการดูแลในระยะแรกของโรค โอกาสที่ผู้ป่วยจะสูญเสียสมรภาพการมองเห็นช้าลง หรือ อาจไม่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากยังมีผู้ป่วยเบาหวานจำนวนมากที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่เหมาะสม และขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจตาตามมาตรฐานที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่เทคนิค จักษุแพทย์และเครื่องมือ อุปกรณ์เฉพาะในการวินิจฉัย
อนึ่ง จังหวัดจันทบุรีในปี 2554 มีจำนวนผู้ป่วยเบาหวาน 15,717 คน ได้รับการถ่ายภาพจอประสาทตาแล้ว 7,167 คน (ร้อยละ 54.60 ) พบภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงต้องได้รับการยิงเลเซอร์จอประสาทตา 194 คน (ร้อยละ 2.7) และได้รับการยิงเลเซอร์แล้ว 126 คน (64.95)
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ห้องประชุมรำไพพรรณี ชั้น 7 ตึกประชาธิปกศักดิ์เดช โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี เภสัชกรหญิงวีระวรรณ แตงแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 9 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรักในหลวง รักษ์ดวงตา รักษาด้วยเลเซอร์ ถวายเป็นพระราชกุศล โดยมีนายแพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี นายแพทย์ชุมพล สุวรรณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประชาชน ให้การต้อนรับและร่วมในโครงการ
เภสัชกรหญิงวีระวรรณ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงห่วงใยสุขภาพของพสกนิกรชาวไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการสนองน้ำพระราชหฤทัยในหลวง ทรงห่วงใยสุขภาพประชาชน ถวายเป็นพระราชกุศลฯมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วและได้มอบหมายให้เขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 9 เป็นเขตนำร่องในการดูแลตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาเพื่อรักษาด้วยการฉายเลเซอร์จอประสาทตา และเป็นต้นแบบการดำเนินงานให้ทุกภูมิภาค จึงได้จัดทำโครงการรักษ์ในหลวง รักษ์ดวงตา รักษาด้วยเลเซอร์ ถวายเป็นพระราชกุศลฯของเขตตรวจราชการกระรวงสาธารณสุขเขต 9 ขึ้น
ปัจจุบันสถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2551 มีผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ จำนวน 338,551 ราย เสียชีวิต 7,725 ราย คาดว่าทั่วประเทศมีผู้ป่วยเบาหวานประมาณกว่า 3 ล้านคน และเป็นสาเหตุอันดับ 2 ที่ทำให้คนไทยตาบอดรองจากตาต้อกระจก โดยผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงตาบอดมากกว่าคนทั่วไป ผู้ป่วยบางคนไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน และเมื่อเป็นเบาหวานนานๆพบว่า จะมีปัญหาตาบอด 3 คนจาก 100 คน ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งนี้เนื่องจากจอประสาทตาผิดปกติจากเบาหวานเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้การเห็นผิดปกติ ซึ่งผู้ที่เป็นเบาหวานทุกคนมีโอกาสเกิดภาวะดังกล่าวได้ และยิ่งเป็นเบาหวานนานก็ยิ่งมีโอกาสเกิดมากขึ้น
เภสัชกรหญิงวีระวรรณ กล่าวต่อไปว่า ทั่วไปจอประสาทตาผิดปกติจากเบาหวานจะไม่พบอาการในระยะแรก อาการมัวตาจะเกิดขึ้นในภายหลังเมื่อจุดรับภาพ ได้รับผลกระทบทำให้การเห็นลดลง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่จะป้องกันจอประสาทตาผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวาน คือ การตรวจพบและการได้รับการดูแลในระยะแรกของโรค โอกาสที่ผู้ป่วยจะสูญเสียสมรภาพการมองเห็นช้าลง หรือ อาจไม่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากยังมีผู้ป่วยเบาหวานจำนวนมากที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่เหมาะสม และขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจตาตามมาตรฐานที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่เทคนิค จักษุแพทย์และเครื่องมือ อุปกรณ์เฉพาะในการวินิจฉัย
อนึ่ง จังหวัดจันทบุรีในปี 2554 มีจำนวนผู้ป่วยเบาหวาน 15,717 คน ได้รับการถ่ายภาพจอประสาทตาแล้ว 7,167 คน (ร้อยละ 54.60 ) พบภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงต้องได้รับการยิงเลเซอร์จอประสาทตา 194 คน (ร้อยละ 2.7) และได้รับการยิงเลเซอร์แล้ว 126 คน (64.95)