3 เครือข่ายผู้ป่วย ยันพร้อมเดินหน้าสู้คดีพรีม่าที่ฟ้องหมิ่นประมาท ขณะที่ เลขาธิการมูลนิธิผู้บริโภค ไม่หนักใจส่งทนายช่วยสู้คดี
จากกรณีที่ นายธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) ได้ยื่นฟ้องกล่าวโทษนายบริพัตร ดอนมอญ ประธานมูลนิธิเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย นายฐากูร สการกุล ประธานเครือข่ายผู้ป่วยจิตเวช และนางพรรณธร จงสุวัฒน์ สมาชิกเครือข่ายเพื่อนมะเร็ง ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารจากการที่ผู้นำเครือข่ายผู้ป่วยทั้งสาม และชมรมเพื่อนโรคไตได้ร้องสภาเภสัชกรรมให้สอบจรรยาบรรณวิชาชีพเภสัชกรรมของ นายธีระ ฉกาจนโรดม ในฐานะเภสัชกรที่ให้การรับรอง และเห็นชอบว่า การทำซีแอลยาไม่จำเป็น ซึ่งทางเครือข่ายฯมองว่าการเห็นชอบดังกล่าวเป็น การสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคมเพื่อหนุนประโยชน์ให้บริษันำเข้ายาข้ามชาติ นั้น
ล่าสุด วันนี้(17 ม.ค.) นายฐากูร สการกุล ประธานเครือข่ายผู้ป่วยจิตเวช กล่าวว่า พร้อมที่จะต่อสู้คดีนี้ เพราะการที่มีผู้มากล่าวหาว่า การทำซีแอลเป็นการขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง “ในฐานะคนที่อยู่กับโรคมาจนถึงวันนี้ เราไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ เราไม่ได้สู้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่ทำทุกวันนี้ ถือว่า เกิดมาชีวิตหนึ่งก็ขอสู้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่เหมือนบางคนที่สู้เพื่อผลประโยชน์ของคนต่างชาติ”
นายบริพัตร ดอนมอญ ประธานมูลนิธิเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การประกาศบังคับใช้สิทธิ หรือ ซีแอล เป็นหนทางตามกฎหมายทั้งในและระหว่างประเทศที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา ทำให้เกิดคุณภาพชีวิต แต่ถูกอุตสาหกรรมยา กล่าวหามาตลอดว่า ไทยทำไม่ถูกกฎหมายบ้าง ขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นบ้าง “ยิ่งผู้พูดในตำแหน่งเภสัชกรนำหน้าในการแถลงข่าวทุกครั้งอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เราจึงร้องต่อสภาเภสัชกรรมให้ตรวจสอบจรรยาบรรณซึ่งเป็นการทำตามกฎหมาย เราไม่คิดว่าการทำตามกฎหมายจะมีความผิด”
ขณะที่นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ทางมูลนิธิทำหน้าที่ทนายความของผู้นำเครือข่ายผู้ป่วยทั้งสาม ไม่หนักใจในคดีนี้ ถือว่าเป็นโอกาสทำให้เรื่องซีแอลมีความชัดเจนทั้งในเชิงข้อมูล และความถูกต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะตอนนี้บริษัทยาข้ามชาติมักอ้างว่าเราเป็นโจร ทั้งที่ประเทศไทยทำถูกต้องอยู่ตลอดเวลา เราพร้อมที่จะส่งทนายความไปถามค้านทำความจริงให้ประจักษ์ในการไต่สวนมูลฟ้อง ว่าคดีนี้มีมูลที่ศาลจะประทับรับฟ้องหรือไม่ในวันจันทร์ที่ 24 ม.ค.เวลา 13.30 น.ที่ศาลแขวงนนทบุรี หากพบว่า คดีนี้เป็นการนำความเท็จมาฟ้องต่อศาลก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากกรณีที่ นายธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) ได้ยื่นฟ้องกล่าวโทษนายบริพัตร ดอนมอญ ประธานมูลนิธิเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย นายฐากูร สการกุล ประธานเครือข่ายผู้ป่วยจิตเวช และนางพรรณธร จงสุวัฒน์ สมาชิกเครือข่ายเพื่อนมะเร็ง ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสารจากการที่ผู้นำเครือข่ายผู้ป่วยทั้งสาม และชมรมเพื่อนโรคไตได้ร้องสภาเภสัชกรรมให้สอบจรรยาบรรณวิชาชีพเภสัชกรรมของ นายธีระ ฉกาจนโรดม ในฐานะเภสัชกรที่ให้การรับรอง และเห็นชอบว่า การทำซีแอลยาไม่จำเป็น ซึ่งทางเครือข่ายฯมองว่าการเห็นชอบดังกล่าวเป็น การสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคมเพื่อหนุนประโยชน์ให้บริษันำเข้ายาข้ามชาติ นั้น
ล่าสุด วันนี้(17 ม.ค.) นายฐากูร สการกุล ประธานเครือข่ายผู้ป่วยจิตเวช กล่าวว่า พร้อมที่จะต่อสู้คดีนี้ เพราะการที่มีผู้มากล่าวหาว่า การทำซีแอลเป็นการขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง “ในฐานะคนที่อยู่กับโรคมาจนถึงวันนี้ เราไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ เราไม่ได้สู้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่ทำทุกวันนี้ ถือว่า เกิดมาชีวิตหนึ่งก็ขอสู้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่เหมือนบางคนที่สู้เพื่อผลประโยชน์ของคนต่างชาติ”
นายบริพัตร ดอนมอญ ประธานมูลนิธิเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การประกาศบังคับใช้สิทธิ หรือ ซีแอล เป็นหนทางตามกฎหมายทั้งในและระหว่างประเทศที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา ทำให้เกิดคุณภาพชีวิต แต่ถูกอุตสาหกรรมยา กล่าวหามาตลอดว่า ไทยทำไม่ถูกกฎหมายบ้าง ขโมยทรัพย์สินของผู้อื่นบ้าง “ยิ่งผู้พูดในตำแหน่งเภสัชกรนำหน้าในการแถลงข่าวทุกครั้งอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เราจึงร้องต่อสภาเภสัชกรรมให้ตรวจสอบจรรยาบรรณซึ่งเป็นการทำตามกฎหมาย เราไม่คิดว่าการทำตามกฎหมายจะมีความผิด”
ขณะที่นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ทางมูลนิธิทำหน้าที่ทนายความของผู้นำเครือข่ายผู้ป่วยทั้งสาม ไม่หนักใจในคดีนี้ ถือว่าเป็นโอกาสทำให้เรื่องซีแอลมีความชัดเจนทั้งในเชิงข้อมูล และความถูกต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะตอนนี้บริษัทยาข้ามชาติมักอ้างว่าเราเป็นโจร ทั้งที่ประเทศไทยทำถูกต้องอยู่ตลอดเวลา เราพร้อมที่จะส่งทนายความไปถามค้านทำความจริงให้ประจักษ์ในการไต่สวนมูลฟ้อง ว่าคดีนี้มีมูลที่ศาลจะประทับรับฟ้องหรือไม่ในวันจันทร์ที่ 24 ม.ค.เวลา 13.30 น.ที่ศาลแขวงนนทบุรี หากพบว่า คดีนี้เป็นการนำความเท็จมาฟ้องต่อศาลก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
