เครือข่ายต้านเหล้าบุกดีเอสไอ ประณามบิ๊กน้ำเมาข้ามชาติ หลังถูกจับฐานแสดงรายการเท็จเลี่ยงภาษีแบล็ค-เรดเลเบิ้ล 45,000 ลัง ใช้วิธีหัวหมอขอไกล่เกลี่ยจบคดี แค่ 1,500 ล้าน ทั้งที่น้อยกว่าค่าปรับจริงที่รัฐต้องได้ ด้าน “คำรณ” ยื่นข้อเรียกร้อง ใช้กฎเหล็กขั้นสูงสุดลงโทษ เพื่อบริษัทอื่นไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่าง แนะตรวจสอบการแสดงรายการเพื่อจ่ายภาษีทั้งเหล้าในและเหล้านอก เชื่อทุจริตเพียบ
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เมื่อเวลา 10.00 น.เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน นำโดยนายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อเสนอข้อเรียกร้องให้ใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นสูงสุด กับบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่มีความพยายามไกล่เกลี่ยขอจ่ายค่าเสียหายเพื่อให้จบคดี จากกรณีถูกจับฐานแสดงรายการเท็จเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าแบล็ค-เรดเลเบิ้ล กว่า 45,000 ลัง ทั้งนี้ เครือข่ายได้ร่วมกันทำกิจกรรม มอบสายสะพาย รางวัล “นักเลี่ยงภาษีข้ามชาติ” เพื่อประณามบริษัทเหล้ารายใหญ่นี้ด้วย
นายคำรณ กล่าวว่า จากความพยายามของบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่แสดงรายการเท็จเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าสุราต่างประเทศ รวมกว่า 45,000 ลัง ตั้งแต่ต้นปี 2546 และพบว่า ในเดือนตุลาคม 2550 คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ลงมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ล่าสุด บริษัท ดิอาจิโอฯ ได้ทำหนังสือขอทำความตกลงระงับคดี สำหรับสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ เป็นจำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อระงับคดีตามมาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ต่อมาช่วงปลายเดือนธันวาคม 2553 ทางดีเอสไอได้ทำหนังสือไปยังอธิบดีกรมศุลกากร มีความเห็นว่า ควรตกลงระงับคดีกับบริษัท ดิอาจิโอฯ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อราชการมากกว่า เนื่องจากราชการได้ภาษีครบทุกประเภท ส่วนค่าปรับก็เป็นการลงโทษผู้ทำผิดด้วยนั้น
“เครือข่ายและภาคประชาชน ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ทำให้ทราบว่ากระบวนการต่างๆ ในการพิจารณาคดีนี้ใช้เวลานานมาก แต่ไม่ว่าภาครัฐจะยินยอมทำตามข้อเสนอ 1,500 ล้านหรือไม่ ก็แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมเหล้ายักษ์ใหญ่รายนี้ มีพฤติกรรมที่แย่ ทำการค้าแบบขาดธรรมาภิบาล ไม่เหมือนที่สร้างภาพเอาไว้ นอกจากนี้ ยังพบว่าองค์กรหน้าฉากต่างๆ ในระดับสากลที่พยายามแทรกแซงมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยก็มีอุตสาหกรรมเจ้านี้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แม้กระทั่งปลายปีที่ผ่านมาได้พยายามแฝงตัวมาในนามสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐอเมริกา เพื่อขอเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอีก ถือว่าเป็นการกระทำที่คนไทยรับไม่ได้ ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แต่ความหายนะตกอยู่กับคนไทย ดังนั้นสังคมคงต้องจับตาเฝ้าระวัง และเครือข่ายฯ คงต้องเพิ่มความเข้มในการติดตามตรวจสอบต่อไป” นายคำรณ กล่าว
นายคำรณ กล่าวด้วยว่า เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับสังคมไทย เครือข่ายขอแสดงจุดยืนและเรียกร้อง 4 ข้อ ดังนี้ 1.ขอเรียกร้องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตามอัตราโทษที่สมควรได้รับ มิใช่ยอมตกลงระงับคดีตามที่บริษัทแจ้งกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเงินค่าปรับจริงที่รัฐไทยควรจะได้ และพิจารณามาตรการทางกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง มิใช่แค่เปรียบเทียบปรับ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 2.ขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดตาม ตรวจสอบไปที่การนำเข้าสุราต่างประเทศกรณีอื่นๆ ด้วย และไม่เฉพาะสุรานำเข้าเท่านั้น กรณีสุราในประเทศก็อาจจะมีการสำแดงเท็จเป็นช่องว่างให้ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจจะทำให้รัฐเสียประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน 3. ขอประณามพฤติกรรมทุจริต แสดงรายการเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของธุรกิจสุราข้ามชาติในครั้งนี้ เพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ธุรกิจข้ามชาติที่คนส่วนใหญ่มักจะมองกันว่ามีมาตรฐาน มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล แต่แท้จริงแล้วก็หาช่องทางหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืน กระทำการที่ผิดกฎหมายอยู่เช่นเดียวกัน จึงควรทำให้คดีนี้เปิดเผยแก่สาธารณะให้เป็นที่รับรู้ทั่วกันด้วย และ4. เครือข่ายฯ พร้อมมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแสสนับสนุน ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ด้านนายนรินทร์ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ กล่าวว่า ขอชื่นชมกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ ที่ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ หากมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เชื่อว่า จะพบการทุจริตในกลุ่มอุตสาหกรรมสุราที่นำเข้าหรือผลิตในประเทศอย่างแน่นอน ทั้งนี้จากการติดตามของเครือข่ายฯ พบว่า หากบริษัท ดิอาจิโอฯ แพ้คดีนี้อาจทำให้ต้องจ่ายเงินภาษีและค่าปรับประมาณหมื่นกว่าล้านบาท จึงกังวลว่าหากภาครัฐตัดสินใจตกลงและยอมระงับคดี คิดว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติแล้วหรือ เพราะนั่นอาจจะกลายเป็นเยี่ยงอย่างที่ทำให้อุตสาหกรรมสุรา ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรได้มหาศาล มีเงินจำนวนมากๆไม่เกรงกลัวกฎหมาย
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เมื่อเวลา 10.00 น.เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน นำโดยนายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อเสนอข้อเรียกร้องให้ใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นสูงสุด กับบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่มีความพยายามไกล่เกลี่ยขอจ่ายค่าเสียหายเพื่อให้จบคดี จากกรณีถูกจับฐานแสดงรายการเท็จเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าแบล็ค-เรดเลเบิ้ล กว่า 45,000 ลัง ทั้งนี้ เครือข่ายได้ร่วมกันทำกิจกรรม มอบสายสะพาย รางวัล “นักเลี่ยงภาษีข้ามชาติ” เพื่อประณามบริษัทเหล้ารายใหญ่นี้ด้วย
นายคำรณ กล่าวว่า จากความพยายามของบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่แสดงรายการเท็จเพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้าสุราต่างประเทศ รวมกว่า 45,000 ลัง ตั้งแต่ต้นปี 2546 และพบว่า ในเดือนตุลาคม 2550 คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ลงมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ล่าสุด บริษัท ดิอาจิโอฯ ได้ทำหนังสือขอทำความตกลงระงับคดี สำหรับสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ เป็นจำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อระงับคดีตามมาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ต่อมาช่วงปลายเดือนธันวาคม 2553 ทางดีเอสไอได้ทำหนังสือไปยังอธิบดีกรมศุลกากร มีความเห็นว่า ควรตกลงระงับคดีกับบริษัท ดิอาจิโอฯ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อราชการมากกว่า เนื่องจากราชการได้ภาษีครบทุกประเภท ส่วนค่าปรับก็เป็นการลงโทษผู้ทำผิดด้วยนั้น
“เครือข่ายและภาคประชาชน ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ทำให้ทราบว่ากระบวนการต่างๆ ในการพิจารณาคดีนี้ใช้เวลานานมาก แต่ไม่ว่าภาครัฐจะยินยอมทำตามข้อเสนอ 1,500 ล้านหรือไม่ ก็แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมเหล้ายักษ์ใหญ่รายนี้ มีพฤติกรรมที่แย่ ทำการค้าแบบขาดธรรมาภิบาล ไม่เหมือนที่สร้างภาพเอาไว้ นอกจากนี้ ยังพบว่าองค์กรหน้าฉากต่างๆ ในระดับสากลที่พยายามแทรกแซงมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยก็มีอุตสาหกรรมเจ้านี้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แม้กระทั่งปลายปีที่ผ่านมาได้พยายามแฝงตัวมาในนามสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐอเมริกา เพื่อขอเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอีก ถือว่าเป็นการกระทำที่คนไทยรับไม่ได้ ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แต่ความหายนะตกอยู่กับคนไทย ดังนั้นสังคมคงต้องจับตาเฝ้าระวัง และเครือข่ายฯ คงต้องเพิ่มความเข้มในการติดตามตรวจสอบต่อไป” นายคำรณ กล่าว
นายคำรณ กล่าวด้วยว่า เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับสังคมไทย เครือข่ายขอแสดงจุดยืนและเรียกร้อง 4 ข้อ ดังนี้ 1.ขอเรียกร้องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตามอัตราโทษที่สมควรได้รับ มิใช่ยอมตกลงระงับคดีตามที่บริษัทแจ้งกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าเงินค่าปรับจริงที่รัฐไทยควรจะได้ และพิจารณามาตรการทางกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง มิใช่แค่เปรียบเทียบปรับ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 2.ขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดตาม ตรวจสอบไปที่การนำเข้าสุราต่างประเทศกรณีอื่นๆ ด้วย และไม่เฉพาะสุรานำเข้าเท่านั้น กรณีสุราในประเทศก็อาจจะมีการสำแดงเท็จเป็นช่องว่างให้ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ซึ่งอาจจะทำให้รัฐเสียประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน 3. ขอประณามพฤติกรรมทุจริต แสดงรายการเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของธุรกิจสุราข้ามชาติในครั้งนี้ เพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ธุรกิจข้ามชาติที่คนส่วนใหญ่มักจะมองกันว่ามีมาตรฐาน มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล แต่แท้จริงแล้วก็หาช่องทางหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืน กระทำการที่ผิดกฎหมายอยู่เช่นเดียวกัน จึงควรทำให้คดีนี้เปิดเผยแก่สาธารณะให้เป็นที่รับรู้ทั่วกันด้วย และ4. เครือข่ายฯ พร้อมมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแสสนับสนุน ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ด้านนายนรินทร์ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ กล่าวว่า ขอชื่นชมกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ ที่ดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ทั้งนี้ หากมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เชื่อว่า จะพบการทุจริตในกลุ่มอุตสาหกรรมสุราที่นำเข้าหรือผลิตในประเทศอย่างแน่นอน ทั้งนี้จากการติดตามของเครือข่ายฯ พบว่า หากบริษัท ดิอาจิโอฯ แพ้คดีนี้อาจทำให้ต้องจ่ายเงินภาษีและค่าปรับประมาณหมื่นกว่าล้านบาท จึงกังวลว่าหากภาครัฐตัดสินใจตกลงและยอมระงับคดี คิดว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติแล้วหรือ เพราะนั่นอาจจะกลายเป็นเยี่ยงอย่างที่ทำให้อุตสาหกรรมสุรา ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรได้มหาศาล มีเงินจำนวนมากๆไม่เกรงกลัวกฎหมาย