xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ห่วงครูไทยแบกภาระหนัก ชม.สอน - งานธุรการแน่น สั่งเร่งแก้ไขมุ่งคุณภาพผู้เรียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“มาร์ค” ชูคุณภาพครู หัวใจสำคัญสร้างคุณภาพเด็ก เผยผลวิจัยระดับนานาชาติ พบครูไทยรับภาระหนัก ชั่วโมงการสอนแน่นเอี๊ยด ตก 925-1,100 ชม./ปี เปรียบเทียบต่างประเทศห่างกันลิบ ขณะที่แบกภาระงานนอกเหนือการสอนอีกเพียบ ทั้งงานธุรการ การเงิน เล็งดึงเจ้าหน้าที่ทดแทน แย้มปลาย ม.ค.นี้ เตรียมนำกฎหมายเงินเดือนครูเข้าเข้าสภา

วันนี้ (14 ม.ค.) ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “2554 ปีคุณภาพครู” พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “คุณภาพครู” ตอนหนึ่งว่า ปีนี้กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้ประกาศให้เป็นปีแห่งคุณภาพครู ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ในการปฏิรูปการศึกษาที่เคยดำเนินการมาทั้งในประเทศไทย และในประเทศต่างๆทั่วโลก ต่างเข้าใจดีว่าปัจจัยชี้ขาดของการปฏิรูปการศึกษานั้นอยู่ที่ครู ดังนั้น หัวใจในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผู้เรียน ก็คือ คุณภาพของครู หากครูมีคุณภาพก็จะทำให้เด็กมีคุณภาพตามไปด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากในอดีตแม้จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ก็ยังได้เห็นความสำเร็จของครูในการอบรมสั่งสอน ให้คนเป็นดีและประสบความสำเร็จได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในสภาวะปัจจุบันมีผลการวิจัยระดับนานาชาติ ที่ได้ศึกษาในปี 2550 ระบุว่า ครูไทยในระดับมัธยมศึกษา รับภาระหนักมากเมื่อเปรียบเทียบกับครูในประเทศต่างๆ ทั้งในแง่ของจำนวนนักเรียนต่อครู ซึ่งหมายความว่าในปัจจุบันสภาพห้องเรียนในปัจจุบันมีขนาดใหญ่ โดยระดับประถมศึกษาอยู่ที่ 36 คนต่อห้อง ซึ่งระดับมัธยมมีมากกว่านั้น และเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศ พบว่าระบุไว้ที่ 15-25 คนต่อห้อง หากดูในเรื่องของชั่วโมงการสอน ก็เช่นเดียวกันเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การพัฒนาความร่วมมือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจ หรือ OECD ปรากฎว่าโดยเฉลี่ยครูไทยจะต้องสอน 925-1,110 ชั่วโมงต่อปี ขณะที่ประเทศต่างๆ 548-818 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งภาระที่หนักนี้ก็จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนการสอน อีกทั้งยังมีปัญหาข้อจำกัดต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เพื่อนำไปสู่คุณภาพครู และผู้เรียนโดยเร็วในที่สุด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายแน่ชัดในการปฏิรูปการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิรูปฯ รอบ 2 ซึ่งได้มีหลายนโยบายที่พัฒนามาโดยลำดับ ทั้งนโยบายคืนครูให้นักเรียน การพัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่ โครงการครูพันธุ์ใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการสร้างแรงจูงใจให้แก่ครูในด้านต่างๆ โดยขณะนี้ก็ได้มีการเสนอการปรับเงินวิทยฐานะของครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเมื่อสภาผู้แทนราษฎรเปิดสมัยประชุมในช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้ ก็คาดหมายว่าจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ได้ รวมทั้งกฎหมายฉบับนี้ก็จะได้มีการปรับฐานเงินเดือน ปรับค่าตอบแทนของครู อีกทั้งยังมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับครูที่ต้องปฏิบัติหน้าที่พิเศษ อย่าง ครูเสี่ยงภัย ครูในพื้นที่ทุรกันดาร การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบการประเมินพัฒนาวิชาชีพครู ให้เชื่อมโยงกับความสามารถในการจัดการเรียนการสอน รวมไปถึงการเร่งรัดจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู ซึ่งขณะนี้ รมว.ศธ. ได้ปรับแก้เกณฑ์การประเมินวิทฐานะที่จะเน้นในเชิงประจักษ์มากขึ้น

“ครูส่วนใหญ่ทำงานหนัก ซึ่งงานส่วนใหญ่ก็ไม่ใช้หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นงานธุรการ งานการเงิน อาคารสถานที่ต่างๆ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหานี้ โดยการจัดหาเจ้าหน้าที่ธุรการ การเงิน มาช่วยแบ่งเบาภาระงานของครู ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปบางส่วนแล้ว และจะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคต ขณะที่ครูเอกชน ครู กศน. ครู ตชด.พนักงานราชการ ครูอัตราจ้าง ครูอาชีวะ พนักงานราชการในมหาวิทยาลัย กระทั่งข้าราชการบำนาญ รัฐบาลเองก็จะจัดแนวทางดูแล ช่วยเหลือ ในทุกกลุ่มต่อไป อย่างไรก็ดีสังคมต้องร่วมกันตระหนัก ยกย่องเชิดชูครูที่สอนดี อุทิศตนเพื่อศิษย์ ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีงาม สะท้อนสู่การปฏิบัติจริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 2554 นี้ ประชาชนชาวไทยทราบดีว่าเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ซึ่ง ศธ.ได้ขอพระราชทานถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” ซึ่งยังความปลืมปิติมาสู่ครู และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ดังนั้น ครูต้องสร้างสรรค์แต่สิ่งดีๆ และดำเนินรอยตามพระบาทมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน เพื่อถวายเป็นราชสักการะด้วย

ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ. กล่าวว่า ศธ.ได้พัฒนาวิชาชีพครูทั้งระบบทั้งเรื่องผลิต การใช้ ตลอดจนค่าตอบแทนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ โดยในปี 2554 จะมีการคืนครูให้นักเรียนและคืนผู้บริหารให้แก่สถานศึกษา และในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 24 ม.ค.นี้ ตนจะเสนอร่างพ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เข้าสู่การพิจารณา ซึ่งถ้าผ่านความเห็นชอบ ก็จะทำให้ครูได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่ากับข้าราชการอื่น โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และยังได้รับเงินเดือนเพิ่มอีกร้อยละ 5 ตามมติของครม.ที่ให้ปรับเงินเดือนของข้าราชการทุกประเภทด้วย นอกจากนี้ได้กำหนดอยู่ในแผนปฏิรูปประเทศไทย ที่จะคัดเลือกครูสอนดี 60,000 คนทั่วประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น