สธ.เตือนม็อบแดงเจาะเลือดมั่ว เสี่ยงเอดส์ ไวรัสตับ

สธ.เตือนเสื้อแดงเจาะเลือดมั่ว เสี่ยงติดเชื้อเอดส์-ไวรัสตับอักเสบ รักษาไม่หายขาด เทเลือดลงพื้น เท้าเป็นแผลเสี่ยงรับเชื้อด้วย

วันนี้ (15 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติด้านการแพทย์และสาธารณสุขในสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ ว่า ได้รับรายงานจาก รพ.พระมงกุฎเกล้า แล้วว่า ทหาร 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบใช้อาวุธสงครามชนิดเอ็ม 79 เข้าไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กทม.ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า อยู่ในขั้นตอนการเอกซเรย์รักษา โดยอาการของทั้งคู่ปลอดภัยแล้ว ส่วนรายละเอียดต่างๆ รพ.พระมงกุฎเกล้า จะเป็นผู้แถลงต่อไป

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางศูนย์ได้ยกระดับเตรียมพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขขั้นสูงสุด เนื่องจากการประเมินสถานการณ์ พบว่า มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมทางด้านการแพทย์เพิ่มขึ้นด้วย ขณะนี้ได้ประสานให้กับทุกโรงพยาบาลในเขต กทม.และใกล้เคียงเตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ชุมนุมยังไม่มีการขอรับความช่วยเหลือในส่วนของการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพราะต้องการดูแลกันเองเป็นหลัก โดยที่ผ่านมาได้รับรายงานว่ามีผู้ชุมนุมเป็นลมจำนวนมาก ซึ่ง สธ.ได้เตือนไปก่อนหน้านี้แล้วให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ

“นอกจากนี้ จากที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าจะมีการเจาะเลือดจำนวน 1 ล้านซีซี ผมไม่มีความเห็นทางการเมือง หากเป็นความเห็นทางการแพทย์นั้น ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่ามีความเป็นห่วงเรื่องการติดเชื้อ โดยเฉพาะเอดส์ และไวรัสตับอักเสบ ซึ่งสามารถติดได้ง่าย และรักษาไม่หายขาด รวมทั้งจะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบุคลากรที่จะทำการเจาะเลือดควรจะมีความรู้ และมีอุปกรณ์เครื่องมือที่มั่นใจ ว่าจะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าาวอีกว่า หากวิเคราะห์ทางการเมือง การนำเลือดมาเทเป็นการบ่งชี้อีกตัวหนึ่งที่อนุมานได้ว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้น ดังนั้น หากจะดำเนินการเรื่องใดก็ตามควรทำด้วยความระวังระมัดการกระทำที่จะนำไปสู่ความรุนแรง

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า โดยปกติตามหลักวิชาการการเจาะเลือดควรกระทำในห้องที่สะอาด ส่วนการเจาะเลือดภาคสนามสามารถกระทำได้ แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ กรณีที่จะมีการนำเลือดมาเทบนถนน หากเลือดมีเชื้อโรคจะไม่ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อทางอากาศและเชื้อโรคจะตายภายใน 1 วัน แต่หากประชาชนที่มีบาดแผลที่เท้าแล้วเดินไปเหยียบ หรือมีแผลบริเวณต่างๆ ของร่างกายแล้วสัมผัสเลือดที่มีเชื้อโรค เชื้อก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้เช่นเดียวกัน

“ตามจรรยาบรรณของการรับบริจาคเลือด จะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านใดจะต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ชัดเจน คนที่จะเจาะเลือด ก่อนบริจาคจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพให้ดี และตรวจเช็กสุขภาพ ถ้าไม่สมบูรณ์เจ้าหน้าที่ก็จะไม่เจาะให้เป็นอันขาด และกรณีที่ผู้เจาะเลือดเพลียแดดอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ในภาวะเสียน้ำ หากเจาะเลือดอีกจะทำให้ร่างกายเสียน้ำและเลือดมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงอาจเกิดช็อกได้” นพ.ไพจิตร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถแยกออกหรือไม่ระหว่างเลือดสัตว์หรือเลือดคน นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า แยกได้ลำบากต้องนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการจึงจะทราบ

นพ.ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า อากาศที่ร้อนประกอบกับความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่ไม่สะดวกสบายเหมือนกับการอยู่ที่บ้านตามปกติ ทำให้ประชาชนเครียดและอารมณ์เสียได้ง่าย และมีผลให้เกิดการก่อเหตุเพิ่มขึ้น ส่วนการที่ผู้ชุมนุมมีการถ่ายปัสสาวะและอุจจาระไม่เป็นที่ หรือปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง หากมีเชื้อโรคผู้ที่ใช้น้ำจะติดโรคด้วย ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 8 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่เกิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารงชีวิตของประชาชน สามารถเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุได้ แต่จะต้องพิจารณาถึงเจตนาเป็นรายกรณีด้วยว่ามีความจงใจให้เกิดโรคระบาดหรือไม่

อนึ่ง ตามบทกำหนดโทษของ พ.ร.บ.การสาธารณสุข ผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 8 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ