xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้หลังยึดทรัพย์คนไทยสุขเพิ่ม 7 คะแนน ระบุ “แดง” ชุมนุมสร้างทุกข์เพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
“เอแบคโพลล์” ระบุหลังคดียึดทรัพย์คนไทยมีความสุขขึ้น 7.15 คะแนน ส่วนใหญ่ระบุมีความสุขต่อความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 9.05 คะแนน ขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองตัวบั่นทอนความสุขคะแนนไม่ถึงครึ่ง คาดจะลดลงอีกหาก “เสื้อแดง” ชุมนุมยืดเยื้อ-รุนแรง แนะประชาชนตั้งสติ ยืนอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องเป็นจริง ประนีประนอม มีน้ำใจ และไม่ใช้ความรุนแรง

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันกับความสุขมวลรวมของคนไทยวันนี้ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้ที่พักอาศัยอยู่ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวน 1,962 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 9 มี.ค. 2553 โดยวัดความสุขช่วงหลังคดียึดทรัพย์และประชาชนเห็นว่าไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมไทย พบว่า ความสุขของคนไทยอยู่ที่ 7.15 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ส่วนความสุขด้านต่างๆ พบว่า ความสุขต่อความจงรักภักดีอยู่ที่ 9.05 ในขณะที่ความสุขต่อบรรยากาศของคนในครอบครัวอยู่ที่ 8.31 คะแนน ความสุขต่อสุขภาพกายอยู่ที่ 7.98 และความสุขต่อสุขภาพใจอยู่ที่ 7.96 ความสุขต่อหน้าที่การงานและอาชีพอยู่ที่ 7.73 ความสุขต่อวัฒนธรรมประเพณีไทยอยู่ที่ 7.52

ความสุขต่อสภาพแวดล้อมที่พักอาศัย เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา อยู่ที่ 7.50 ความสุขต่อการได้รับบริการทางการแพทย์ที่ดีอยู่ที่ 7.41 ความสุขต่อบรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชนที่พักอาศัยอยู่ที่ 7.11 ความสุขต่อสภาวะเศรษฐกิจครัวเรือน 7.08 ความสุขต่อระบบการศึกษาของประเทศอยู่ที่ 6.95 ความสุขต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย คนไทย และเด็กไทยในสายตาคนต่างชาติอยู่ที่ 6.18 ความสุขต่อความเป็นธรรม/ไม่เป็นทางสังคมที่ได้รับอยู่ที่ 6.02 ความสุขต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ที่ 5.65 ขณะที่ความสุขต่อสถานการณ์การเมืองอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าความสุขด้านอื่นๆ โดยอยู่ที่ 4.95

นายนพดลกล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวชี้ชัดว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีความสุขมวลรวมของคนในประเทศเพิ่มสูงขึ้นจากการสำรวจในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา น่าจะมาจากการที่คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งความรักความเอื้ออาทรของคนในครอบครัว สิ่งที่น่าเป็นห่วงในสังคมไทยขณะนี้ คือ สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ที่อาจทำให้ความสุขของคนไทยลดลง มากไปกว่าที่เป็นอยู่ สาเหตุมาจากปัญหาความเครียด และวิตกกังวลว่าจะได้รับความเดือดร้อน หากเกิดเหตุรุนแรงบานปลายจากการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่กำลังจะมีขึ้น ประชาชนมากกว่าร้อยละ 90 เห็นว่าประชาชนทุกกลุ่มจะได้รับความเดือดร้อนหากสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย นอกจากนี้ ปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ และความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล และฝ่ายค้านในการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อสร้างความรักความสามัคคี มากกว่าการแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง รวมไปถึงการสร้างความเป็นธรรมในสังคมล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้ความสุขของคนไทยลดลงเช่นเดียวกัน

ดังนั้น ในสภาวะที่สังคมกำลังเกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ประชาชนทุกคนควรตั้งสติ ยืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องเป็นจริง ใช้การประนีประนอม มีน้ำใจไมตรีต่อกัน หันหน้าเจรจากัน และไม่ใช้ความรุนแรง และในช่วงที่จะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ สิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้คือ การติดตามข้อมูลข่าวสารใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ ข้อมูลข่าวสารภายใต้กรอบของกฎหมายและความถูกต้อง รู้จักยับยั้งชั่งใจ ใช้เหตุและผล อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ และเคารพกฎกติกาของบ้านเมือง เสนอให้ทุกฝ่ายช่วยกันผลักดันให้ “ความเป็นธรรมในสังคม ด้วยมาตรฐานเดียวกัน” เป็นวาระสำคัญของชาติ เพื่อยึดโยงให้ประชาชนที่มีความหลากหลายทางอุดมการณ์การเมืองและฐานะทางสังคมให้เป็นเอกภาพในสังคมไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น