“ชัยวุฒิ” สุดแมนออกรับแทน สทศ. ย้ำปรับข้อสอบ O-NET เพื่อปิดช่องโหว่ หวังสร้างมาตรฐานการสอบ ลดการเดา ยันออกสอบตามเนื้อหาทุกวิชา ไม่ล่อแหลม รับบอกเด็กช้าไปเรื่องปรับรูปแบบข้อสอบ สั่ง สทศ.เร่งพีอาร์หนัก
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนชั้น ม.6 ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ปรับรูปแบบข้อสอบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET เป็น 2 รูปแบบโดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพียง 1 เดือน และกรณีที่ผู้ปกครองร้องเรียนว่าคำถามในข้อสอบ O-NET ของเด็ก ป.6 มีความล่อแหลมเกินไปว่า จากที่ได้รับรายงานจาก รศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สทศ.พบว่า กรณีที่ผู้ปกครองร้องเรียนเรื่องข้อสอบมีความล่อแหลมมากเกินไปนั้น ทาง สทศ.ยืนยันว่าข้อสอบทั้งหมดออกตามเนื้อหาที่สอนทุกวิชา แต่ที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมานั้นคงเป็นเพราะผู้ปกครอง หยิบบางส่วนของข้อสอบมาดู ไม่ได้ดูทั้งหมด จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ แต่จากที่ตนได้ตรวจสนามสอบ O-NET ที่ผ่านมา ก็ได้สอบถามเด็กว่าข้อสอบยากเกินไปหรือไม่ ซึ่งมีทั้ง 2 ส่วน บ้างก็บอกว่าเข้าใจดี แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่บอกว่ายากตรงนี้มีทั้งสองส่วน
นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีการเปลี่ยนรูปแบบข้อสอบจากเลือกตอบ 1 ใน 4 ตัวเลือก เป็นเลือกหลายตัวเลือก หลายคำตอบ ก็เพื่อให้การวัดผลแม่นยำขึ้นและการเดาถูกลดลง เพราะการเลือกตอบ 1 ใน 4 ตัวเลือก ทำให้เด็กมีโอกาสเดาถูก 25% แต่หากเปลี่ยนมาเป็นหลายตัวเลือกโอกาสที่เด็กจะเดาถูกจะเหลือเพียง 10% เท่านั้น ทำให้เด็กที่สอบจะต้องมีความแม่นยำเรื่องความรู้มากขึ้น อีกทั้ง สทศ.ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบทั้งหมดทันที โดยเริ่มปีนี้เป็นปีแรกและเปลี่ยนแค่เพียง 30% ในบางวิชาเท่านั้น
“ความเห็นทุกความเห็นที่สะท้อนมายัง สทศ.เราก็คงต้องรับฟัง เพื่อปิดช่องโหว่และทำให้การสอบได้มาตรฐานมากที่สุด แต่โดยหลักการบางครั้งเด็กอาจจะยกตัวอย่างข้อสอบมาไม่ทั้งหมด ซึ่งบางคำถามซึ่งเป็นคำถามที่ถามความรู้สึก แต่ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดที่ถามจะอยู่ในข้อสอบจะมีในเนื้อหาวิชาที่เด็กเรียนอยู่แล้วและคงไม่มีผู้ออกข้อสอบคนไหนที่อยากออกข้อที่เป็นลบ อาทิ เรื่องเพศซึ่งเมื่อก่อนต้องงยอมรับว่าเราไม่ยอมพูดถึงเลย แต้ขณะนี้สังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปดังนั้นการเรียนการสอบจึงต้องปรับตัว สอนทั้งแง่บวกและลบ เผื่อว่าเวลาที่เขามีปัญหาเกิดขึ้นจะได้ตั้งรับกับสถานการณ์ได้ทัน” รมช.ศธ.กล่าว
นายชัยวุฒิกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้สำหรับกรณีเรื่องการปรับข้อสอบนั้น สทศ.ต้องปรับปรุงเรื่องการประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเพื่อให้ข่าวสารเข้าถึงตัวเด็กได้มากที่สุด โดยที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องงานประชาสัมพันธ์ เพราะเด็กมีจำนวนหลายแสนคน และช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่ขอยืนยันว่าสิ่งที่ สทศ.ทำพยายามใช้หลักอ้างอิงทั้งจากอดีตและปัจจุบัน ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนโดยไม่มีหลักการ