สธ. ส่งหน้ากากอนามัยจำนวน 500,000 ชิ้น ป้องกันการสูดควันไฟป่าให้ 8 จังหวัดภาคเหนือพร้อมสั่งโรงพยาบาลและสถานีอนามัย เฝ้าระวังผู้ป่วยจากหมอกควันไฟป่า โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ เด็กเล็ก แนะหากมีฝุ่นละอองในอากาศมาก ไม่ควรออกนอกบ้าน งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง หากมีอาการผิดปกติเช่นหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก ให้พบแพทย์ทันที
นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ระหว่างตรวจเยี่ยมราชการที่จังหวัดเชียงรายเมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.พ.) ว่า ขณะนี้สถานการณ์มลพิษในอากาศจากฝุ่นละอองควันไฟป่า ใน 8 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ และน่าน เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยได้ให้กรมควบคุมโรคจัดส่งหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการสูดละอองควันไฟ จำนวน 500,000 ชิ้น ไปที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจกจ่ายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 8 แห่ง และสั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับ สถานีอนามัยในพื้นที่ดังกล่าวทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้เจ็บป่วย ให้ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อาจเจ็บป่วยได้ง่าย ได้แก่ 1.กลุ่มเด็กเล็ก เนื่องจากระบบทางเดินหายใจยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่และยังดูแลตัวเองไม่เป็น กลุ่มที่ 2 ได้แก่ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่อวัยวะในร่างกายเสื่อมสภาพ กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น เป็นโรคหอบหืด โรคถุงลมปอดโป่งพอง และ 4.ผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งหากสูดฝุ่นละอองเข้าไปอีก ก็อาจจะกระตุ้นให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้นได้
นางพรรณสิริ กล่าวต่อว่า ขอย้ำเตือนให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว หากมองเห็นว่ามีฝุ่นละอองในอากาศมาก ควรอยู่ในบ้าน งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรคาดหน้ากากอนามัย หากไม่มีแนะนำให้ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าลินินพับซ้อนหลายๆ ทบ มาคาดปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันควันไฟ โดยอาจพรมน้ำที่ผ้าหมาดๆ เพื่อให้ผ้าซับกรองฝุ่นละอองต่างๆ ได้มากขึ้น หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจหอบเหนื่อย เป็นไข้ ไอ เจ็บหน้าอก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ด้าน นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กใน 8 จังหวัดภาคเหนือในปี 2550-2552 พบค่าฝุ่นละอองในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะเริ่มสูงเกินค่ามาตรฐานคือ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และจะสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม ในปี 2553นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ตรวจพบจุดที่เกินมาตรฐาน ที่ลำปาง ลำพูน 4 วัน เชียงราย 1 วัน ส่วนในโรงพยาบาล พบผู้ป่วยบางโรคเพิ่มขึ้น โรคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจนได้แก่ โรคภูมิแพ้ เฉลี่ยอัตราป่วยที่มาโรงพยาบาลในเดือนกุมภาพันธ์พบแสนละ 85 คนต่อสัปดาห์ สูงกว่าเดือนมกราคม 8 เท่าตัว โรคติดเชื้อทางเดินหายใจเช่นหลอดลมอักเสบ พบมาโรงพยาบาลแสนละ 300 คนต่อสัปดาห์
จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันลดฝุ่นละอองในอากาศ ไม่ควรเผาสิ่งใด และให้ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อจอดรถ ในบริเวณที่ไม่มีระบบระบายอากาศ ต้องปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ควันเข้าในอาคาร ส่วนในอาคารขนาดใหญ่ที่มีที่กรองอากาศจากภายนอกสู่ในอาคาร ต้องดูแลล้างระบบเป็นประจำ และในขณะที่มีละอองหมอกควันมาก ขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นละอองลงปอด ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาปอดอักเสบตามมาได้ นายแพทย์มานิตกล่าว