“อภิสิทธิ์” ฟุ้งปฏิรูปการศึกษารอบ 2 เน้นคุณภาพที่ตัวเด็ก ปรับหลักสูตรร้อยละ 30 เรียนรู้ผ่านกิจกรรม เล็งผุดกองทุนเอาอย่าง สสส.ทำงานร่วมภาคีเครือข่ายภาคประชาชน พัฒนากระบวนการเรียนรู้ เผย ศธ.เห็นชอบในหลักการแล้ว ดึง “หมอศุภพร”ผู้จัดการ สสส.ช่วยหลังพ้นตำแหน่ง
วันนี้(21 ก.พ.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า อยากจะรายงานให้ประชาชนทราบ ถึงนโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาล เริ่มต้นที่เรื่องการศึกษา งานที่มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นสิ่งที่มีการเรียกร้องจากทุกฝ่ายก็คือเรื่องของคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเรื่องของการปฏิรูปการศึกษา
ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบแนวคิดที่จะมีการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 หลังการปฏิรูปในรอบแรกตั้งแต่ปี 2542 มีบางเรื่องซึ่งดำเนินการไปแล้วประสบความสำเร็จ แต่ก็มีอีกหลายๆ เรื่องซึ่งยังเป็นปัญหา ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาในรอบนี้ เราจะต้องมุ่งเน้นไปที่ผลสัมฤทธิ์สุดท้ายก็คือ ที่ตัวนักเรียน ที่ตัวเด็ก ที่จะผ่านระบบการศึกษาออกมาแล้วเป็นคนที่มีคุณภาพ เก่ง ดี มีความสุข ไม่ลืมความเป็นไทย และมีความเข้าใจเรื่องราวในระดับสากล ซึ่งการจะทำตรงนี้ได้ก็จะต้องมุ่งเน้นไปเรื่องของการเรียนการสอน เรื่องของบุคลากรทางด้านการศึกษา ก็คือครูบาอาจารย์ และผู้บริหารทางด้านการศึกษา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ทุกครั้งที่ผ่านมานั้นเราจะเห็นว่าคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กจะประสบกับปัญหามากที่สุด เพราะฉะนั้น การแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กเป็นหัวใจสำคัญ และยิ่งเราไปค้นพบว่าทรัพยากรกว่าครึ่งหนึ่งในเรื่องของการจัดการศึกษานั้น ต้องไปที่โรงเรียนขนาดเล็ก และก็มีผลสัมฤทธิ์น้อย ความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ก็จะมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวขณะที่คือกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) จะเร่งดำเนินการให้มีโรงเรียนที่พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจในระดับของตำบล ในพื้นที่ใกล้เคียง และจะมีการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในเรื่องของการที่จะดูแลในเรื่องของการเดินทางของนักเรียนไปยังโรงเรียนซึ่งอาจจะต้องห่างไกลออกไป แต่มีความสะดวกและจะทำให้มีคุณภาพ บริหารการจัดการศึกษาได้ง่าย มีคุณภาพที่ดี เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็ก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ที่จะเพิ่มเติมการปฏิรูปรอบนี้ คือ จะผลักดันให้เกิดกองทุนคล้ายกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อมาทำงานด้านการศึกษา โดยมีข้อเสนอเบื้องต้นมาแล้ว ซึ่งจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเร่งตั้งกองทุนกระตุ้นให้การปฏิรูปการศึกษารอบสองเดินหน้าได้ดีขึ้น เพราะจะดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการรณรงค์เพียงอย่างเดียว แต่จะทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ทำงานร่วมกับครู และโรงเรียน โดยจะต้องมีงบประมาณเฉพาะเช่นเดียวกับกรณีของ สสส. แต่จะต้องดูว่าจะกันเงินมาจากที่ใด
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตัวเลข แต่คงไม่ใหญ่เท่ากองทุน สสส. ทั้งนี้ ศธ.เห็นชอบในเรื่องหลักคิดตรงกันแล้ว และมีบุคคลที่เคยทำงานใน สสส. เช่น นพ.ศุภพร บัวสาย ผู้จัดการ สสส. รับปากว่าจะมาช่วยเพราะพ้นจากตำแหน่ง สสส.ไปแล้ว