นศ.พยาบาล วิทยาลัยนครราชสีมา ร้อง ศธ.ช่วยเทียบโอนหลังโดนตุ๋นเรียน “ชัยวุฒิ” ย้ำ ศธ.พร้อมยื่นมือช่วยหากยังหวังผ่านการประเมินหลักสูตรจากสภาการพยาบาล รับไปต่อไม่ไหวอาจต้องสั่งปิด เล็งฟันแพ่ง-อาญา อธิการบดีเหตุดื้อเปิดสอน พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยทันทีหากเจอมูลความผิด พร้อมสั่งทีมกฎหมาย สกอ.ช่วยนักศึกษาฟ้อง เตรียมผุดพ.ร.บ.อุดมศึกษา ตีกรอบดูแลมาตรฐาน หลักสูตร
วันนี้(8 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ตัวแทนนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยนครราชสีมา กว่า 40 คน เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมช.ศธ.) เพื่อขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงศึกษาธิการให้ดำเนินการโอนย้ายนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ไปยังสถานศึกษาอื่น เนื่องด้วยหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตของวิทยาลัยไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสภาการพยาบาล และให้ทางวิทยาลัยต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่างทั้งหมด เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ เป็นต้น
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ตอนที่นักศึกษาไปร้องเรียนที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สธ. ก็เคยเป็น รมว.ศธ.จึงได้มีการประสานมาแล้ว ซึ่งทาง ศธ. ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เข้าไปตรวจสอบ และรวบรวมรายชื่อวิทยาลัยพยาบาลทั้งหมดเพื่อการเทียบโอน ซึ่งต้องดูว่าแต่ละวิชาที่นักศึกษาลงเรียนไปแล้วนั้น จะสามารถเที่ยบโอนวิชาใดได้บ้าง โดยจะให้มีการเทียบโอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้อาจจะไม่ได้ครบทุกวิชาที่นักศึกษาอาจต้องมีการลงซ้ำในบางวิชาด้วย ในส่วนของวิทยาลัยนั้นทาง สกอ.ก็จะเข้าไปดำเนินการหลังจากที่ปล่อยให้มีการเปิดสอนหลักสูตรที่ไม่ได้ผ่านการรับรอง ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือแจ้งไปถึงทุกมหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชน ให้สภามหาวิทยาลัยดำเนินการควบคุมหลักสูตรการเรียนการสอนให้ได้มาตรฐานด้วย
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้สภาการพยาบาลไม่สามารถรับรองหลักสูตรให้ได้ ก็ต้องดำเนินการปิดหลักสูตรดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ศธ.จะได้หารือกับทางสภาการพยาบาลถึงเงื่อนไขให้ได้มาซึ่งมาตรฐาน และหากวิทยาลัยต้องการให้ ศธ.ช่วยในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้ผ่านมาตรฐานตรงส่วนไหนก็ยินดีที่จะช่วย ภายใต้ขอบเขตที่ช่วยได้ แต่หากวิทยาลัยคิดว่าไปต่อไม่ได้แล้วก็ไม่มีทางเลือกที่ต้องหยุดรับนักศึกษาไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะมีการปิดหลักสูตร สาขาวิชาใดๆ
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ถ้าพิจารณาตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ถือว่าทางอธิการมีความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ดังนั้น สกอ.ต้องไปดำเนินการเอาผิด เพราะเมื่อรู้อยู่แล้วว่าสภาวิชาการพยาบาลไม่อนุมัติหลักสูตรไปดำเนินการรับนักศึกษาได้อย่างไร ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้วและไม่ใช่เพียงปีเดียวแต่เป็น 2 ปี โดยมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากสามารถที่จะดำเนินการได้ทั้งแพ่งและอาญา ซึ่งตนได้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายของ สกอ.รวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยเหลือในการฟ้องร้องของนักศึกษาด้วย ทั้งนี้ในส่วนของ สกอ.ในฐานะที่เป็นผู้กำกับนโยบายก็จะพิจารณาว่าสามารถร่วมเป็นเจ้าทุกข์ในเรื่องใดได้บ้าง โดย สกอ.จะรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ถ้าข้อเท็จจริงระบุว่ามีมูลความผิด ตนจะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยอธิการทันที
นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้อาจมีการออกพ.ร.บ.อุดมศึกษาขึ้นมาเพื่อกำกับ ดูแลมาตรฐานทั้งระบบ ซึ่งที่ผ่านมาต้องการให้อิสระกับมหาวิทยาลัยเต็มที่แต่เมื่อให้แล้ว ส่วนใหญ่ได้มาตรฐาน แต่ก็มีส่วนน้อยที่สภามหาวิทยาลัยดูแลไม่ดีเท่าที่ควร ผู้บริหารละเลย ซึ่งหากปล่อยให้เกิดกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก นักศึกษาก็จะเสียประโยชน์ ในบางแห่งนักศึกษาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งหากไม่มีสถาบันวิชาชีพมากำหนดก็ไม่อาจรู้เลยว่าหลักสูตรที่ตนเรียนจบไปนั้นได้มาตรฐานหรือไม่
“มหาวิทยาลัยอย่าตกใจ ในส่วนที่ได้มาตรฐานอยู่แล้วก็จะส่งเสริมให้มีมาตรฐานเพิ่มยิ่งขึ้น แต่ในเราจะลงไปดูแลเฉพาะคณะ หรือหลักสูตรที่ไม่ได้มาตรฐานเท่านั้น และอย่าห่วงว่าจะมีการเข้าไปแทรกแซงการบริหารงาน ซึ่งจะใช้ระบบตรวจสอบ ประเมินมาตรฐานมากกว่า” รมช.ศธ.กล่าว
นายชัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องร้องเรียนของมหาวิทยาลัย หลักสูตรที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นขณะนี้ที่ทางสกอ.ได้เข้าตรวจสอบ ข้อเท็จจริง ประมาณ 6-7 แห่ง ทั้งของรัฐและเอกชน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ และเป็นหลักสูตรวิชาชีพ 2 แห่ง ทั้งนี้ในส่วนของสถาบันที่มีปัญหาทาง สกอ.ก็จะขึ้นบัญชีดำไว้ก่อน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ของ สกอ. ตอนนี้จึงอยากให้นักเรียนที่จะเข้าศึกษาต่อในสาขา คณะใดๆ ให้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วย
