“ชินวรณ์” ลั่นสั่งปิดวิทยาลัยนครราชสีมา ภายใน 15 วัน หากตรวจพบไม่ได้มาตรฐาน เยียวยานักศึกษาทั้งที่เรียจบแล้วและกำลังศึกษา สั่งคุมเข้มงบไทยเข้มแข็งการศึกษาทั่วประเทศ และล้อมคอกนักศึกษาตีกัน
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่อาคารสุรสัมมนาคาร ม.เทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จ.นครราชสีมา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่า ว่า ได้หารือกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา เกี่ยวกับการดูแลสถาบันศึกษาที่ไม่มีการรับรองหลักสูตร ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องดูแลเรื่องมาตรฐานและคุณภาพในการจัดการเรื่องหลักสูตรกระบวนการเรียนการสอน โดยเฉพาะในกรณีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับใบประกอบวิชาชีพ ต้องมีการตรวจสอบอย่างดี ก่อนที่เราจะได้ดำเนินการอนุมัติให้วิทยาลัยใดได้ดำเนินการ
นายชินวรณ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะในกรณีของวิทยาลัยนครราชสีมา ที่มีนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับอธิการบดีนั้น ตนได้สั่งการดำเนินการอย่างเฉียบขาดแล้ว ประการแรกต้องดำเนินการในการเข้าช่วยเยียวยานักศึกษาเหล่านี้ รวมทั้งนักศึกษาที่จบแล้วควรที่จะต่อยอดให้เขาได้มีโอกาสไปสอบได้ เพื่อดำเนินการในการไปทดสอบเพื่อจะได้รับใบประกอบวิชาชีพ
"ส่วนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ก็จะต้องไปเยียวยาให้นักศึกษาได้มีโอกาสไปหาที่เรียนในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยที่มีคณะพยาบาลศาสตร์ที่รับรอง ส่วนกระบวนการในการตรวจสอบวิทยาลัยนครราชสีมานั้น ตนมอบหมายให้เลขาธิการ สกอ. ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ถ้าหากตรวจพบความเป็นจริงว่าทางวิทยาลัยนครราชสีมา ได้ดำเนินการโดยการที่ทราบอยู่แล้ว ว่า ไม่มีศักยภาพในการเปิด แต่เปิดเพื่อต้องการที่จะหารายได้ในเชิงธุรกิจ ตนจะทำการสั่งปิดต่อไป"นายชินวรณ์กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงศึกษาธิการว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหลัง แต่ว่าตนไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพราะตนยึดหลักประการแรกคือ กระทรวงได้ยึดหลักการกระจายอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้างไปให้สถานศึกษา ประการที่สองคือว่า จะต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบโปร่งใส ประการที่สามตนเชื่อมั่นในตนเองว่า ตนไม่มีส่วนในการที่จะไปเกี่ยวข้อง และจะไม่ให้มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นอันขาด
"สำหรับปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะกันสถาบันและก่อความรุนแรงนั้น ตนได้ให้นโยบายไปกับรัฐมนตรีชัยวุฒิฯ ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องนี้ที่จะต้องดูแลปัญหานี้อย่างใกล้ชิดต่อไป ตนให้เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของภาคี 4 ฝ่าย คือ ตัวนักเรียนเองก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ปกครองนักเรียนก็ต้องมาร่วมรับผิดชอบ ครูและผู้บริหารโรงเรียน กรรมการสถานศึกษา หรือ สภามหาวิทยาลัยก็ต้องรับผิดชอบ"นายชินวรณ์ กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากว่า ยังขอความร่วมมือไม่ได้ ตนก็จำเป็นต้องคิดนอกกรอบ โดยอาจจะเอานักเรียนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มาอยู่ในกรมราชทัณฑ์ หรือ อาจจะถึงขั้นจำเป็นต้องย้ายมหาวิทยาลัย ไปอยู่ในวิทยาเขตที่อยู่ต่างจังหวัด เพราะว่า การไปใช้ความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง สังคมประชาธิปไตยตนก็อยากจะเรียกร้องลูกๆทุกคนขอให้ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่อาคารสุรสัมมนาคาร ม.เทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จ.นครราชสีมา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่า ว่า ได้หารือกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา เกี่ยวกับการดูแลสถาบันศึกษาที่ไม่มีการรับรองหลักสูตร ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องดูแลเรื่องมาตรฐานและคุณภาพในการจัดการเรื่องหลักสูตรกระบวนการเรียนการสอน โดยเฉพาะในกรณีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับใบประกอบวิชาชีพ ต้องมีการตรวจสอบอย่างดี ก่อนที่เราจะได้ดำเนินการอนุมัติให้วิทยาลัยใดได้ดำเนินการ
นายชินวรณ์ กล่าวว่า โดยเฉพาะในกรณีของวิทยาลัยนครราชสีมา ที่มีนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับอธิการบดีนั้น ตนได้สั่งการดำเนินการอย่างเฉียบขาดแล้ว ประการแรกต้องดำเนินการในการเข้าช่วยเยียวยานักศึกษาเหล่านี้ รวมทั้งนักศึกษาที่จบแล้วควรที่จะต่อยอดให้เขาได้มีโอกาสไปสอบได้ เพื่อดำเนินการในการไปทดสอบเพื่อจะได้รับใบประกอบวิชาชีพ
"ส่วนนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ก็จะต้องไปเยียวยาให้นักศึกษาได้มีโอกาสไปหาที่เรียนในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยที่มีคณะพยาบาลศาสตร์ที่รับรอง ส่วนกระบวนการในการตรวจสอบวิทยาลัยนครราชสีมานั้น ตนมอบหมายให้เลขาธิการ สกอ. ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ถ้าหากตรวจพบความเป็นจริงว่าทางวิทยาลัยนครราชสีมา ได้ดำเนินการโดยการที่ทราบอยู่แล้ว ว่า ไม่มีศักยภาพในการเปิด แต่เปิดเพื่อต้องการที่จะหารายได้ในเชิงธุรกิจ ตนจะทำการสั่งปิดต่อไป"นายชินวรณ์กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงศึกษาธิการว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหลัง แต่ว่าตนไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพราะตนยึดหลักประการแรกคือ กระทรวงได้ยึดหลักการกระจายอำนาจในการจัดซื้อจัดจ้างไปให้สถานศึกษา ประการที่สองคือว่า จะต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบโปร่งใส ประการที่สามตนเชื่อมั่นในตนเองว่า ตนไม่มีส่วนในการที่จะไปเกี่ยวข้อง และจะไม่ให้มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นอันขาด
"สำหรับปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะกันสถาบันและก่อความรุนแรงนั้น ตนได้ให้นโยบายไปกับรัฐมนตรีชัยวุฒิฯ ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องนี้ที่จะต้องดูแลปัญหานี้อย่างใกล้ชิดต่อไป ตนให้เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของภาคี 4 ฝ่าย คือ ตัวนักเรียนเองก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ปกครองนักเรียนก็ต้องมาร่วมรับผิดชอบ ครูและผู้บริหารโรงเรียน กรรมการสถานศึกษา หรือ สภามหาวิทยาลัยก็ต้องรับผิดชอบ"นายชินวรณ์ กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากว่า ยังขอความร่วมมือไม่ได้ ตนก็จำเป็นต้องคิดนอกกรอบ โดยอาจจะเอานักเรียนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มาอยู่ในกรมราชทัณฑ์ หรือ อาจจะถึงขั้นจำเป็นต้องย้ายมหาวิทยาลัย ไปอยู่ในวิทยาเขตที่อยู่ต่างจังหวัด เพราะว่า การไปใช้ความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง สังคมประชาธิปไตยตนก็อยากจะเรียกร้องลูกๆทุกคนขอให้ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
