ในรอบปีที่ผ่านมา ประเด็นข่าวด้านสังคมมีเรื่องเด่นๆ ดังๆ ให้ต้องติดตามข่าวสารกันอย่างใกล้ชิดไม่น้อยหน้าประเด็นทางด้านการบ้านการเมือง เพราะข่าวสารด้านสังคมหลายข่าว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของประชาชนชาวไทย ปีฉลูที่ผ่านไปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราประมวลมาให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมกันทบทวน และโบกมือลาเรื่องร้ายๆ เพื่อต้อนรับปีใหม่ ที่ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับประเทศไทยตลอดปี และตลอดไป
พิษไข้หวัดใหญ่ 2009
ปี 2552 ปีฉลูที่ยังคงไม่ฉลุยของกระทรวงหมอ เพราะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ (เอช 1 เอ็น 1) หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ออกมาอาละวาดตั้งแต่ต้นปี โดยมีต้นตอมาจากประเทศเม็กซิโกตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน2009 และลุกลามขยายเป็นวงกว้างทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศยกระดับการเตือนภัยสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคอยู่ในระดับ 6 รุนแรงที่สุด คือ มีการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนเป็นวงกว้างทั่วโลก
ล่าสุด มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากกว่า 208 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10,582 ราย สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 28 เม.ย.ถึงปัจจุบันเกือบ 200 ราย คาดว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้วประมาณ 10ล้านคน โดยที่การระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ยังต้องจับตาต่อไปถถึงปีหน้า
การมาของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ สร้างความตื่นตระหนก หวาดกลัว ทำให้ได้เห็นภาพการรอคิวยาวเหยียดเพื่อรับบริการตรวจวิเคราะห์เชื้อ หรือแม้แต่ผู้คนแห่ซื้อเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยจนขาดตลาด สถานศึกษาหลายแห่งประกาศปิดเรียนชั่วคราวเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่สามารถสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรู้จักป้องกันตนเองได้ในระยะยาว
ที่สำคัญสถานการณ์การระบาดทั่วโลกขณะนี้ ถือเป็นการกลับมาระบาดระลอก 2 สำหรับในไทยคาดว่าจะเกิดการระบาดระหว่าง พ.ย.2552 - มี.ค.2553 ซึ่งต้องจับตามเฝ้าระวังและใช้มาตรการที่เข้มงวดโดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีกเพราะเคยมีบทเรียนมาแล้ว
ฉาวโฉ่โกงไทยเข้มแข็ง
เมื่อไข้หวัดเริ่มสร่างซา เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันก็ปูดขึ้นมา โดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เริ่มได้กลิ่นถึงความไม่ชอบมาพากล จึงออกมาเปิดโปงการทุจริต โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เม็ดเงินมหาศาล8.6หมื่นล้านบาท โดยบอกใบ้อักษรย่อของนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องไกล้ชิด “ต. ม. ป. ล. ก.” ส่งผลให้ทีมที่ปรึกษา รมว.สธ. รวมถึงเลขานุการรัฐมนตรี ลาออกยกชุด และมีคำสั่งให้ชะลอการจัดซื้อทั้งครุภัณฑ์และสิ่งก่อนสร้างทั้งหมด
ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีการตั้งคณะกรรมการจากบุคคลภายในและคณะอนุกรรมการขึ้นอีกหลายชุดด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือชุด “นพ.บรรลุ ศิริพานิช” ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งเอง และให้รายงานผลสอบถึงตัวเองโดยตรง โดยผลสอบที่ออกมาระบุว่า นายวิทยา แก้วภารดัย รมว.สธ.ในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ถือว่ามีส่วนเปิดช่องทางให้มีการทุจริต ขณะที่นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ.มีพฤติกรรมก้าวก่าย ล้วงลูก กดดันให้จัดสรรงบฯ เกินจำเป็นลงในพื้นที่ตนเอง รวมทั้งน่าเชื่อว่าอาจจะพัวพันกับการฮั้วรถพยาบาลด้วย
นอกจากรัฐมนตรีทั้ง 2 คนแล้ว ในส่วนของนักการเมือง ผลสอบยังระบุถึง นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ “แม่เลี้ยงติ๊ก”อดีตเลขานุการ รมว.สธ. ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในภาพรวมของโครงการไทยเข้มแข็ง และรถพยาบาลฉุกเฉิน และ นพ.กฤษฎา มนูญวงศ์ อดีตที่ปรึกษา รมว.สธ.ซึ่งเกี่ยวโยงในเรื่องการจัดซื้อเครื่อง UV Fan พร้อมด้วยข้าราชการประจำอีก 8 คน ซึ่งถือเป็นข้าราชการระดับสูงแทบทั้งสิ้น ต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถเอาผิดกับบุคลเหล่านี้ได้หรือไม่
ส่วนปลายปี เรื่องที่สร้างความฮือฮาที่สุด คือ ปฏิทินวาบหวิวค่ายสิงห์ฯ ที่ใช้ 6 ดารา นางแบบ มาอวดเนื้อหนังอ้างศิลปะบอดี้เพนต์ แต่ปีนี้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ ทำให้ถูกแจ้งความดำเนินคดี แต่เรื่องกลับไม่จบเพราะค่ายสิงห์ไม่ยอมรับผิด ดันไปฟ้อง นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งานนี้คุณหมอเลยกลายเป็นฮีโร่ช่วยเรียกคะแนนคืนให้ สธ.ที่ฉาวโฉ่ตั้งแต่ต้นปียันปลายปีได้โข
“อุเทนฯ-ปทุมวัน” วิกฤตที่ไม่มีคำว่าจบ!
แวะมาดูข่าวคราวของกระทรวงศึกษาธิการ ยังเป็นหนังม้วนเดิม สำหรับความขัดแย้งระะหว่าง “มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย” และ "สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน" ตลอดปี 52 ที่ผ่านมามีหลายเรื่องให้สังคมต้องจดจำมากมาย
ตั้งแต่ช่วงต้นปี “นายพรพจน์ โสภาเจริญ” อายุ 21 ปี ชั้นปี 2 คณะวิศวะฯ อุเทนฯ ถูกกระหน่ำยิงดับหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริเวณแยกเกษตรฯ จากนั้นไม่นาน "นายคณิน ทองอู๋" อายุ 22 ปี ชั้นปี 4 คณะวิศวะฯ ปทุมวัน ก็ถูกยิงตัดขั้วหัวใจดับคาชุดนักศึกษา บริเวณปาก ซ.สุขสวัสดิ์ 52 ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นการล้างแค้นระหว่างสถาบัน
เพื่อย้ำภาพความสมานฉันท์สไตล์ “พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์” รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น จัดการนำเด็กทั้ง 2 ฝั่งมาจับมือยุติศึก(โชว์สื่อ) แต่ให้หลังไม่กี่วันในช่วงต้น ก.พ. "อุเทนฯ - ปทุมวัน" ก็สร้างเรื่องเขย่าขวัญคนกรุงด้วยการยกพวกร่วม 100 คนซัดกันกลางแยกปทุมวัน หน้าห้างมาบุญครอง ชาวบ้านเดือดร้อนถ้วนหน้า
ต่อด้วยเรื่องวุ่นๆ ในการเปิดสอบรับ นศ.ปี 1 คณะวิศวะฯ ปทุมวัน ที่มีผู้สมัครสอบกว่า 500 คน แต่ในการสอบทั้ง 2 รอบ กลับไม่มีใครสอบผ่าน เปิดสอบใหม่รอบ 3 ก็ผ่านแค่ 33 คน จาก 100 กว่าคน รุ่นพี่จึงเรียกร้องให้สถาบันรับเด็กทั้งหมดนี้เข้าเรียน พร้อมประท้วง ปิดทางเข้า-ออก ปิด ถ.พระราม 1 ขณะที่อธิการฯ สั่งปิดเรียน 7 วัน เพื่อสางปัญหา ฝั่งรุ่นพี่อุเทนฯ ก็บังคับรุ่นน้องกินกระดาษหมึก-พริกสด-ตบกระโหลก พร้อมข่มขู่สารพัดจนเด็กแห่ลาออกหลายราย
ล่าสุดช่วงต้น ธ.ค. “นายณัตถพันธุ์ คลองรอด” อายุ 19 ปี ชั้นปีที่ 1 คณะวิศวฯ อุเทนฯ ก็ถูกยิงตายคาสถาบัน ซึ่งถือเป็นเหยื่อความขัดแย้งรายล่าสุด แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นรายสุดท้ายหรือไม่...?
รัฐบาล“ซานต้ามาร์ค”เรียนฟรี15ปี
ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวร้ายๆ กระทรวงศึกษาธิการ มีเรื่องดีๆ มาให้ชาวบ้านได้ปลื้มกับเขาเหมือนกัน นั่นคือ “นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ” โดยรัฐอัดฉีดงบประมาณกว่า 18,000 ล้านบาท เพื่อจัดการศึกษาฟรี 5 อย่าง ค่าเล่าเรียน ตำราเรียน ชุดนักเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดให้เรียนฟรีตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ม.ปลาย รวมทั้งประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เรียกเสียงเชียร์จากผู้ปกครองไปจำนวนมาก จนทำให้ชื่อของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รมว.ศธ.เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานเข้าตาประชาชนในลำดับต้นๆ ของทุกสำนักโพล
นอกจากนี้ กระทรวงคุณครูยังมีโครงการ “ติวเตอร์ ชาแนล” ที่เชิญติวเตอร์ชื่อดัง มาติว GAT, PAT ออกอากาศ ช่อง 11 ทุกวันเสาร์ เป็นอีกโครงการที่เรียกเรตติงจากนักเรียน และผู้ปกครองได้ พร้อมประกาศ ปัดฝุ่น ผลิกฟื้นสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) โดยจัดสรรงบประมาณ 6,000 ล้านบาท ใช้พัฒนา ETV ให้เป็นฟรีทีวี
อย่างไรก็ตาม ปี 2553 ต้องจับตาการใช้งบประมาณไทยเข้มแข็งของกระทรวงศึกษาฯ ชนิดอย่ากะพริบตา เพราะที่ผ่านมามีกลิ่นตุๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาโชยออกมาจากตลอด เพียงแต่ยังหาต้นตอของกลิ่นไม่เจอเท่านั้นเอง
ระบือชื่อกระฉ่อนโลก
ปิดท้ายกันที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่ในปี 2552 มีข่าวดีสำหรับประเทศไทย จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ไม่น้อย เริ่มจากเดือน ก.ค. ประกาศขึ้นทะเบียนรับรองให้เอกสารสำคัญของรัชกาลที่ 5 จำนวนกว่า 800,000 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the world) นับว่าเป็นชิ้นที่ 2 ของไทยหลังจากหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง โดยเอกสารดังกล่าวแสดงถึงนโยบายการเปลี่ยนแปลงสำคัญของสยามขณะนั้น อาทิ การเลิกทาส การตั้งการรถไฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผลการประชุมยูเนสโกในเดือน ต.ค. เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการมรดกโลกปี 2552-2556 ปรากฏว่า นางโสมสุดา ลียวณิช ผู้แทนจากประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ซึ่งถือเป็นคนไทยคนที่ 2 ต่อจากนายอดุล วิเชียรเจริญ ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว
ในเดือนเดียวกัน ยูเนสโกได้ประกาศยกย่อง “ครูเอื้อ สุนทรสนาน” รวมถึง “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” ให้เป็น 2 ใน 63 บุคคลสำคัญของโลก ประจำปี 2553-2554 ในลำดับที่ 19 และ 20 ตามลำดับ สำหรับครูเอื้อจะจัดงานเฉลิมฉลองครบ 100 ปี ตลอดปี 2553 และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จะมีงานเฉลิมฉลองในปี 2554
ล่าสุด “ชุมชนสามชุก-ตลาดเก่า 100 ปี” จ.สุพรรณบุรี ได้รับรางวัลระดับดี จากโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2552 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูและซ่อมแซมสถานที่ประวัติศาสตร์ชุมชนให้คงอยู่กับประเทศชาติต่อไป
ปี 2552 ปีฉลูที่ยังคงไม่ฉลุยของกระทรวงหมอ เพราะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด เอ (เอช 1 เอ็น 1) หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ออกมาอาละวาดตั้งแต่ต้นปี โดยมีต้นตอมาจากประเทศเม็กซิโกตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน2009 และลุกลามขยายเป็นวงกว้างทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศยกระดับการเตือนภัยสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคอยู่ในระดับ 6 รุนแรงที่สุด คือ มีการแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนเป็นวงกว้างทั่วโลก
ล่าสุด มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากกว่า 208 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10,582 ราย สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 28 เม.ย.ถึงปัจจุบันเกือบ 200 ราย คาดว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้วประมาณ 10ล้านคน โดยที่การระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ยังต้องจับตาต่อไปถถึงปีหน้า
การมาของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ สร้างความตื่นตระหนก หวาดกลัว ทำให้ได้เห็นภาพการรอคิวยาวเหยียดเพื่อรับบริการตรวจวิเคราะห์เชื้อ หรือแม้แต่ผู้คนแห่ซื้อเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยจนขาดตลาด สถานศึกษาหลายแห่งประกาศปิดเรียนชั่วคราวเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่สามารถสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนรู้จักป้องกันตนเองได้ในระยะยาว
ที่สำคัญสถานการณ์การระบาดทั่วโลกขณะนี้ ถือเป็นการกลับมาระบาดระลอก 2 สำหรับในไทยคาดว่าจะเกิดการระบาดระหว่าง พ.ย.2552 - มี.ค.2553 ซึ่งต้องจับตามเฝ้าระวังและใช้มาตรการที่เข้มงวดโดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีกเพราะเคยมีบทเรียนมาแล้ว
เมื่อไข้หวัดเริ่มสร่างซา เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันก็ปูดขึ้นมา โดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เริ่มได้กลิ่นถึงความไม่ชอบมาพากล จึงออกมาเปิดโปงการทุจริต โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เม็ดเงินมหาศาล8.6หมื่นล้านบาท โดยบอกใบ้อักษรย่อของนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องไกล้ชิด “ต. ม. ป. ล. ก.” ส่งผลให้ทีมที่ปรึกษา รมว.สธ. รวมถึงเลขานุการรัฐมนตรี ลาออกยกชุด และมีคำสั่งให้ชะลอการจัดซื้อทั้งครุภัณฑ์และสิ่งก่อนสร้างทั้งหมด
ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีการตั้งคณะกรรมการจากบุคคลภายในและคณะอนุกรรมการขึ้นอีกหลายชุดด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือชุด “นพ.บรรลุ ศิริพานิช” ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งเอง และให้รายงานผลสอบถึงตัวเองโดยตรง โดยผลสอบที่ออกมาระบุว่า นายวิทยา แก้วภารดัย รมว.สธ.ในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ถือว่ามีส่วนเปิดช่องทางให้มีการทุจริต ขณะที่นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ.มีพฤติกรรมก้าวก่าย ล้วงลูก กดดันให้จัดสรรงบฯ เกินจำเป็นลงในพื้นที่ตนเอง รวมทั้งน่าเชื่อว่าอาจจะพัวพันกับการฮั้วรถพยาบาลด้วย
นอกจากรัฐมนตรีทั้ง 2 คนแล้ว ในส่วนของนักการเมือง ผลสอบยังระบุถึง นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ “แม่เลี้ยงติ๊ก”อดีตเลขานุการ รมว.สธ. ซึ่งมีความเกี่ยวข้องในภาพรวมของโครงการไทยเข้มแข็ง และรถพยาบาลฉุกเฉิน และ นพ.กฤษฎา มนูญวงศ์ อดีตที่ปรึกษา รมว.สธ.ซึ่งเกี่ยวโยงในเรื่องการจัดซื้อเครื่อง UV Fan พร้อมด้วยข้าราชการประจำอีก 8 คน ซึ่งถือเป็นข้าราชการระดับสูงแทบทั้งสิ้น ต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถเอาผิดกับบุคลเหล่านี้ได้หรือไม่
ส่วนปลายปี เรื่องที่สร้างความฮือฮาที่สุด คือ ปฏิทินวาบหวิวค่ายสิงห์ฯ ที่ใช้ 6 ดารา นางแบบ มาอวดเนื้อหนังอ้างศิลปะบอดี้เพนต์ แต่ปีนี้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ ทำให้ถูกแจ้งความดำเนินคดี แต่เรื่องกลับไม่จบเพราะค่ายสิงห์ไม่ยอมรับผิด ดันไปฟ้อง นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งานนี้คุณหมอเลยกลายเป็นฮีโร่ช่วยเรียกคะแนนคืนให้ สธ.ที่ฉาวโฉ่ตั้งแต่ต้นปียันปลายปีได้โข
แวะมาดูข่าวคราวของกระทรวงศึกษาธิการ ยังเป็นหนังม้วนเดิม สำหรับความขัดแย้งระะหว่าง “มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย” และ "สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน" ตลอดปี 52 ที่ผ่านมามีหลายเรื่องให้สังคมต้องจดจำมากมาย
ตั้งแต่ช่วงต้นปี “นายพรพจน์ โสภาเจริญ” อายุ 21 ปี ชั้นปี 2 คณะวิศวะฯ อุเทนฯ ถูกกระหน่ำยิงดับหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริเวณแยกเกษตรฯ จากนั้นไม่นาน "นายคณิน ทองอู๋" อายุ 22 ปี ชั้นปี 4 คณะวิศวะฯ ปทุมวัน ก็ถูกยิงตัดขั้วหัวใจดับคาชุดนักศึกษา บริเวณปาก ซ.สุขสวัสดิ์ 52 ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นการล้างแค้นระหว่างสถาบัน
เพื่อย้ำภาพความสมานฉันท์สไตล์ “พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์” รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น จัดการนำเด็กทั้ง 2 ฝั่งมาจับมือยุติศึก(โชว์สื่อ) แต่ให้หลังไม่กี่วันในช่วงต้น ก.พ. "อุเทนฯ - ปทุมวัน" ก็สร้างเรื่องเขย่าขวัญคนกรุงด้วยการยกพวกร่วม 100 คนซัดกันกลางแยกปทุมวัน หน้าห้างมาบุญครอง ชาวบ้านเดือดร้อนถ้วนหน้า
ต่อด้วยเรื่องวุ่นๆ ในการเปิดสอบรับ นศ.ปี 1 คณะวิศวะฯ ปทุมวัน ที่มีผู้สมัครสอบกว่า 500 คน แต่ในการสอบทั้ง 2 รอบ กลับไม่มีใครสอบผ่าน เปิดสอบใหม่รอบ 3 ก็ผ่านแค่ 33 คน จาก 100 กว่าคน รุ่นพี่จึงเรียกร้องให้สถาบันรับเด็กทั้งหมดนี้เข้าเรียน พร้อมประท้วง ปิดทางเข้า-ออก ปิด ถ.พระราม 1 ขณะที่อธิการฯ สั่งปิดเรียน 7 วัน เพื่อสางปัญหา ฝั่งรุ่นพี่อุเทนฯ ก็บังคับรุ่นน้องกินกระดาษหมึก-พริกสด-ตบกระโหลก พร้อมข่มขู่สารพัดจนเด็กแห่ลาออกหลายราย
ล่าสุดช่วงต้น ธ.ค. “นายณัตถพันธุ์ คลองรอด” อายุ 19 ปี ชั้นปีที่ 1 คณะวิศวฯ อุเทนฯ ก็ถูกยิงตายคาสถาบัน ซึ่งถือเป็นเหยื่อความขัดแย้งรายล่าสุด แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นรายสุดท้ายหรือไม่...?
ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวร้ายๆ กระทรวงศึกษาธิการ มีเรื่องดีๆ มาให้ชาวบ้านได้ปลื้มกับเขาเหมือนกัน นั่นคือ “นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ” โดยรัฐอัดฉีดงบประมาณกว่า 18,000 ล้านบาท เพื่อจัดการศึกษาฟรี 5 อย่าง ค่าเล่าเรียน ตำราเรียน ชุดนักเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดให้เรียนฟรีตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ม.ปลาย รวมทั้งประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เรียกเสียงเชียร์จากผู้ปกครองไปจำนวนมาก จนทำให้ชื่อของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รมว.ศธ.เป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานเข้าตาประชาชนในลำดับต้นๆ ของทุกสำนักโพล
นอกจากนี้ กระทรวงคุณครูยังมีโครงการ “ติวเตอร์ ชาแนล” ที่เชิญติวเตอร์ชื่อดัง มาติว GAT, PAT ออกอากาศ ช่อง 11 ทุกวันเสาร์ เป็นอีกโครงการที่เรียกเรตติงจากนักเรียน และผู้ปกครองได้ พร้อมประกาศ ปัดฝุ่น ผลิกฟื้นสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) โดยจัดสรรงบประมาณ 6,000 ล้านบาท ใช้พัฒนา ETV ให้เป็นฟรีทีวี
อย่างไรก็ตาม ปี 2553 ต้องจับตาการใช้งบประมาณไทยเข้มแข็งของกระทรวงศึกษาฯ ชนิดอย่ากะพริบตา เพราะที่ผ่านมามีกลิ่นตุๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาโชยออกมาจากตลอด เพียงแต่ยังหาต้นตอของกลิ่นไม่เจอเท่านั้นเอง
ปิดท้ายกันที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่ในปี 2552 มีข่าวดีสำหรับประเทศไทย จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ไม่น้อย เริ่มจากเดือน ก.ค. ประกาศขึ้นทะเบียนรับรองให้เอกสารสำคัญของรัชกาลที่ 5 จำนวนกว่า 800,000 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of the world) นับว่าเป็นชิ้นที่ 2 ของไทยหลังจากหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง โดยเอกสารดังกล่าวแสดงถึงนโยบายการเปลี่ยนแปลงสำคัญของสยามขณะนั้น อาทิ การเลิกทาส การตั้งการรถไฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผลการประชุมยูเนสโกในเดือน ต.ค. เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการมรดกโลกปี 2552-2556 ปรากฏว่า นางโสมสุดา ลียวณิช ผู้แทนจากประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 12 คณะกรรมการ ซึ่งถือเป็นคนไทยคนที่ 2 ต่อจากนายอดุล วิเชียรเจริญ ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว
ในเดือนเดียวกัน ยูเนสโกได้ประกาศยกย่อง “ครูเอื้อ สุนทรสนาน” รวมถึง “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” ให้เป็น 2 ใน 63 บุคคลสำคัญของโลก ประจำปี 2553-2554 ในลำดับที่ 19 และ 20 ตามลำดับ สำหรับครูเอื้อจะจัดงานเฉลิมฉลองครบ 100 ปี ตลอดปี 2553 และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จะมีงานเฉลิมฉลองในปี 2554
ล่าสุด “ชุมชนสามชุก-ตลาดเก่า 100 ปี” จ.สุพรรณบุรี ได้รับรางวัลระดับดี จากโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี 2552 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูและซ่อมแซมสถานที่ประวัติศาสตร์ชุมชนให้คงอยู่กับประเทศชาติต่อไป
