เอแบคโพลล์สำรวจปีใหม่นี้คนไทยต้องการเห็นความรักความสามัคคีของคนในชาติมากที่สุด เกินครึ่งระบุสิ่งที่ดีใจมากที่สุดที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนนักการเมืองที่เหมาะสมกับตำแหน่ง รมว.สธ.ในขณะนี้ คือ “องอาจ คล้ามไพบูลย์-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ระบุการลาออกของ “วิทยา” ทำให้มาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองดีขึ้น
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ “ผลการวัดเรตติ้งความรู้สึกของสาธารณชนต่อ สิ่งที่อยากเห็นและไม่อยากเห็นตลอดปีใหม่นี้ และนักการเมืองที่อยากให้เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ในสถานการณ์วิกฤตภาพลักษณ์ของกระทรวงสาธารณสุขขณะนี้” โดยทำการสำรวจความรู้สึกนึกคิดและข้อเท็จจริงจากประชาชนทั่วประเทศใน 17 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,184 ครัวเรือน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2552 พบว่าสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นในปีใหม่นี้ คือ อยากเห็นความรักความสามัคคีของคนในชาติ ร้อยละ 50.2 อยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบสุข ร้อยละ 25.3 อยากเห็นคนในชาติอยู่ดีกินดีเศรษฐกิจดีขึ้น ร้อยละ 13.6 และรองๆ ลงไปคือ มีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ และมีความยุติธรรมในสังคม
ส่วนสิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็นในปีใหม่นี้ คือ ไม่อยากเห็นคนไทยแตกแยก ขาดความสามัคคี ร้อยละ 42.4 ไม่อยากเห็นปัญหาความรุนแรงทางการเมือง ร้อยละ 30.5 ไม่อยากเห็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ 11.1 และรองๆ ลงไปคือ ไม่อยากเห็นปัญหาภัยธรรมชาติ และไม่อยากเห็นปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับสิ่งที่ประชาชนดีใจมากที่สุด ที่เห็น “คนอื่นๆ” ทำกันในปีที่ผ่านมา คือ ดีใจมากที่สุดที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ร้อยละ 53.9 ดีใจที่สุดที่เห็นคนไทยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร้อยละ 17.7 ดีใจที่สุดที่เห็นคนไทยแสดงความรักความสามัคคี ร้องเพลงชาติพร้อมเพรียงกัน ร้อยละ 7.8 และรองๆ ลงไปคือ ดีใจที่สุดที่เห็นคนไทยทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรม และแสดงพลังรักชาติ
นอกจากนี้ สิ่งที่ประชาชนดีใจที่สุด ที่ “ตนเอง” ได้ประพฤติปฏิบัติในปีที่ผ่านมา คือ ดีใจที่ได้ทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรมในปีที่ผ่านมา ร้อยละ 15 ดีใจที่ดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัว ร้อยละ 14.8 ดีใจที่สุดที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น ร้อยละ 13.7 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนคนไทยเสียใจที่สุด ที่เห็น “คนอื่น” ทำกันในปีที่ผ่านมา คือ เสียใจที่สุดที่เห็นความแตกแยก ไม่สามัคคีกันของคนในชาติ ร้อยละ 54.3 เสียใจที่สุดที่เห็นคนอื่นไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ร้อยละ 9.4 เสียใจที่เห็นการทำร้ายร่างกาย ข่มขืนเด็กและสตรี ร้อยละ 5.6
นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้สอบถามความรู้สึกของประชาชนต่อนักการเมืองที่เหมาะสมมากที่สุด กับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 12 ระบุเป็น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อันดับที่สองหรือร้อยละ 11.9 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อันดับที่สามหรือร้อยละ 10.7 ระบุนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และอันดับรองๆ ลงไป คือ ร้อยละ 4.8 ระบุเป็นนายชินวรณ์ ร้อยละ 4.2 ระบุเป็น นายนิพิฎฐ์ ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 48.2 ระบุใครก็ได้ที่เหมาะสมแล้วแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง ที่น่าพิจารณาสำหรับฝ่ายการเมืองของประเทศไทยคือ ประชาชนร้อยละ 35.8 ระบุการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ของนายวิทยา แก้วภราดัย ทำให้มาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 25.0 ระบุดีเหมือนเดิม ร้อยละ 20.8 ระบุแย่เหมือนเดิม และร้อยละ 7.3 ระบุว่าแย่ลง ส่วนร้อยละ 11.1 ไม่มีความเห็น
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ “ผลการวัดเรตติ้งความรู้สึกของสาธารณชนต่อ สิ่งที่อยากเห็นและไม่อยากเห็นตลอดปีใหม่นี้ และนักการเมืองที่อยากให้เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ในสถานการณ์วิกฤตภาพลักษณ์ของกระทรวงสาธารณสุขขณะนี้” โดยทำการสำรวจความรู้สึกนึกคิดและข้อเท็จจริงจากประชาชนทั่วประเทศใน 17 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 1,184 ครัวเรือน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2552 พบว่าสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นในปีใหม่นี้ คือ อยากเห็นความรักความสามัคคีของคนในชาติ ร้อยละ 50.2 อยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบสุข ร้อยละ 25.3 อยากเห็นคนในชาติอยู่ดีกินดีเศรษฐกิจดีขึ้น ร้อยละ 13.6 และรองๆ ลงไปคือ มีประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ และมีความยุติธรรมในสังคม
ส่วนสิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็นในปีใหม่นี้ คือ ไม่อยากเห็นคนไทยแตกแยก ขาดความสามัคคี ร้อยละ 42.4 ไม่อยากเห็นปัญหาความรุนแรงทางการเมือง ร้อยละ 30.5 ไม่อยากเห็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ 11.1 และรองๆ ลงไปคือ ไม่อยากเห็นปัญหาภัยธรรมชาติ และไม่อยากเห็นปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับสิ่งที่ประชาชนดีใจมากที่สุด ที่เห็น “คนอื่นๆ” ทำกันในปีที่ผ่านมา คือ ดีใจมากที่สุดที่เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ร้อยละ 53.9 ดีใจที่สุดที่เห็นคนไทยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร้อยละ 17.7 ดีใจที่สุดที่เห็นคนไทยแสดงความรักความสามัคคี ร้องเพลงชาติพร้อมเพรียงกัน ร้อยละ 7.8 และรองๆ ลงไปคือ ดีใจที่สุดที่เห็นคนไทยทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรม และแสดงพลังรักชาติ
นอกจากนี้ สิ่งที่ประชาชนดีใจที่สุด ที่ “ตนเอง” ได้ประพฤติปฏิบัติในปีที่ผ่านมา คือ ดีใจที่ได้ทำบุญตักบาตร เข้าวัดฟังธรรมในปีที่ผ่านมา ร้อยละ 15 ดีใจที่ดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัว ร้อยละ 14.8 ดีใจที่สุดที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น ร้อยละ 13.7 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนคนไทยเสียใจที่สุด ที่เห็น “คนอื่น” ทำกันในปีที่ผ่านมา คือ เสียใจที่สุดที่เห็นความแตกแยก ไม่สามัคคีกันของคนในชาติ ร้อยละ 54.3 เสียใจที่สุดที่เห็นคนอื่นไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ร้อยละ 9.4 เสียใจที่เห็นการทำร้ายร่างกาย ข่มขืนเด็กและสตรี ร้อยละ 5.6
นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้สอบถามความรู้สึกของประชาชนต่อนักการเมืองที่เหมาะสมมากที่สุด กับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 12 ระบุเป็น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อันดับที่สองหรือร้อยละ 11.9 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อันดับที่สามหรือร้อยละ 10.7 ระบุนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และอันดับรองๆ ลงไป คือ ร้อยละ 4.8 ระบุเป็นนายชินวรณ์ ร้อยละ 4.2 ระบุเป็น นายนิพิฎฐ์ ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 48.2 ระบุใครก็ได้ที่เหมาะสมแล้วแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง ที่น่าพิจารณาสำหรับฝ่ายการเมืองของประเทศไทยคือ ประชาชนร้อยละ 35.8 ระบุการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ของนายวิทยา แก้วภราดัย ทำให้มาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 25.0 ระบุดีเหมือนเดิม ร้อยละ 20.8 ระบุแย่เหมือนเดิม และร้อยละ 7.3 ระบุว่าแย่ลง ส่วนร้อยละ 11.1 ไม่มีความเห็น
