“รสนา-ครูหยุย” ดาหน้าขวางรัฐบาลไม่ให้แอบเอาหวยออนไลน์เข้า ครม. ฉะแก้ผิดจุด อย่าตกกะไดพลอยโจรทำตามสิ่งผิด เร่งศึกษาข้อกฎหมายต้าน ครูหยุย ค้านอย่าใช้เด็กอ้างเอาเงินหวยให้ แนะอยากทำเพื่อเด็กก็หาเงินวิธีอื่น
จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติให้เดินหน้าโครงการสลากเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวจำหน่ายด้วยเครื่องอัตโนมัติ โดยกำหนดสัดส่วนรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายสลากฯ ไว้คือ สัดส่วนร้อยละ 60 ของรายได้แบ่งเป็นเงินรางวัล สัดส่วนร้อยละ 28 ส่งเข้ารัฐ และสัดส่วนร้อยละ 12 เป็นค่าบริการจัดการ โดยสัดส่วนที่ส่งให้รัฐ มีแนวคิดจะนำเงินไปใช้ด้านการกุศลตามองค์กรต่างๆ และคาดว่าจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 29 ธันวาคมนี้
นางรสนา โตสิตระกูล สว.กทม.กล่าวว่า การแก้ปัญหาหวยใต้ดินด้วยการเปิดขายหวยออนไลน์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่จะยิ่งทำให้อบายมุขขยายวงกว้าง เจ้ามือหวยใต้ดินจะเปิดขายได้อย่างถูกต้องแทนที่จะเป็นการปราบปราม เป็นเรื่องที่รัฐบาลที่ดีไม่สมควรกระทำหรือส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึง อบายมุขได้ง่าย หรือคิดหารายได้จากการพนัน แทนการหารายได้จากการประกอบอาชีพ เพราะพื้นฐานของสังคมที่เข้มแข็งต้องมาจากประชาชนที่มีความเข้มแข็งซึ่งสามารถสร้างรายได้ด้วยการประกอบการงาน ซึ่งการทำให้ประชาชนหมกหมุ่นกับการพนันถือเป็นการสร้างปัญหาสังคมที่แก้ไขได้ยาก
“การอ้างว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายแล้วต้องตกกระไดพลอยโจรตามรัฐบาลชุดก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เป็นการมองปัญหาแค่ปลายจมูก แทนที่จะพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบด้านพยายามแก้สิ่งที่ผิดพลาดและหากปล่อยให้ เกิดหวยออนไลน์ก็เท่ากับเป็นการแปรรูปกองสลากโดยพฤตินัยเพราะรายได้จะต้อง แบ่งครึ่งๆ กับผู้ที่ได้รับสัมปทานตู้ขายหวยออนไลน์ ซึ่งมีข้อสังเกตว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบางคนในรัฐบาล” นางรสนากล่าว
นางรสนากล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำโครงการเพื่อช่วยเหลือคนจน แต่การปล่อยให้มีหวยออนไลน์จะเป็นการเอาเงินใส่กระเป๋าหนึ่งแล้วล้วงอีกกระเป๋าออกมา เพราะคนเล่นหวยส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีรายได้น้อย ดังนั้น คงไม่สามารถยอมให้รัฐบาลเดินหน้าผลักดันให้เกิดหวยออนไลน์ได้ หากรัฐบาลยืนยันว่าจะต้องดำเนินการต่อก็จะมีการคัดค้านโดยจะเร่งศึกษากฎหมาย ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งรัฐบาลไม่ควรแอบทำหรือนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยไม่เปิดรับฟังความคิดเห็น หรือศึกษาผลกระทบก่อน ซึ่งไม่ใช่ของขวัญปีใหม่ที่คนไทยอยากได้แน่นอนและตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า การออกหวยออนไลน์ไม่มีการศึกษาผลกระทบตั้งแต่ต้น เมื่อมีปัญหาและถูกท้วงติงจากหลายๆ ฝ่าย ก็มีการแก้ปัญหาโดยการจะนำเงินส่วนหนึ่งไปตั้งกองทุนที่ไม่เคยมีการศึกษา เช่นกัน จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เป็นเรื่องน่าตลกและนำเด็กมาอ้างเท่านั้น ซึ่งอยากให้รัฐบาลมีความตระหนักถึงการแก้ปัญหาสังคมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่แค่ดำเนินมาตรการตามรัฐบาลชุดอื่น แต่ไม่ได้แก้ประเด็นที่เป็นปัญหาของสังคม ซึ่งเรื่องดังกล่าวรัฐบาลต้องคิดให้มากกว่านี้เพราะเป็นการนำเงินไปให้เด็ก เป็นคนละเรื่องกับการปล่อยให้มีหวยออนไลน์ เพราะรัฐบาลสามารถหาเงินจากวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้
“กองทุนที่เกี่ยวกับเด็กมีจำนวนมาก หากต้องการแก้ปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องนำเงินมาจากการขายหวย แต่หันไปพัฒนากองทุนที่มีอยู่แทนจะมีประโยชน์กว่า เช่น นำภาษีบาปส่วนหนึ่งมาเป็นเงินทุนสนับสนุนการทำงานด้านเด็ก รัฐบาลไม่ควรทำให้ผิดหวังและควรเลิกความคิดที่จะผลักดันนโยบายการขายหวยออนไลน์ได้แล้ว ซึ่งองค์กรด้านเด็กคงรับไม่ได้ที่ต้องเอาเงินจากการมอมเมาประชาชนมาใช้” นายวัลลภกล่าว
จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติให้เดินหน้าโครงการสลากเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัวจำหน่ายด้วยเครื่องอัตโนมัติ โดยกำหนดสัดส่วนรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายสลากฯ ไว้คือ สัดส่วนร้อยละ 60 ของรายได้แบ่งเป็นเงินรางวัล สัดส่วนร้อยละ 28 ส่งเข้ารัฐ และสัดส่วนร้อยละ 12 เป็นค่าบริการจัดการ โดยสัดส่วนที่ส่งให้รัฐ มีแนวคิดจะนำเงินไปใช้ด้านการกุศลตามองค์กรต่างๆ และคาดว่าจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 29 ธันวาคมนี้
นางรสนา โตสิตระกูล สว.กทม.กล่าวว่า การแก้ปัญหาหวยใต้ดินด้วยการเปิดขายหวยออนไลน์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่จะยิ่งทำให้อบายมุขขยายวงกว้าง เจ้ามือหวยใต้ดินจะเปิดขายได้อย่างถูกต้องแทนที่จะเป็นการปราบปราม เป็นเรื่องที่รัฐบาลที่ดีไม่สมควรกระทำหรือส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึง อบายมุขได้ง่าย หรือคิดหารายได้จากการพนัน แทนการหารายได้จากการประกอบอาชีพ เพราะพื้นฐานของสังคมที่เข้มแข็งต้องมาจากประชาชนที่มีความเข้มแข็งซึ่งสามารถสร้างรายได้ด้วยการประกอบการงาน ซึ่งการทำให้ประชาชนหมกหมุ่นกับการพนันถือเป็นการสร้างปัญหาสังคมที่แก้ไขได้ยาก
“การอ้างว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายแล้วต้องตกกระไดพลอยโจรตามรัฐบาลชุดก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เป็นการมองปัญหาแค่ปลายจมูก แทนที่จะพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบด้านพยายามแก้สิ่งที่ผิดพลาดและหากปล่อยให้ เกิดหวยออนไลน์ก็เท่ากับเป็นการแปรรูปกองสลากโดยพฤตินัยเพราะรายได้จะต้อง แบ่งครึ่งๆ กับผู้ที่ได้รับสัมปทานตู้ขายหวยออนไลน์ ซึ่งมีข้อสังเกตว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบางคนในรัฐบาล” นางรสนากล่าว
นางรสนากล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำโครงการเพื่อช่วยเหลือคนจน แต่การปล่อยให้มีหวยออนไลน์จะเป็นการเอาเงินใส่กระเป๋าหนึ่งแล้วล้วงอีกกระเป๋าออกมา เพราะคนเล่นหวยส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีรายได้น้อย ดังนั้น คงไม่สามารถยอมให้รัฐบาลเดินหน้าผลักดันให้เกิดหวยออนไลน์ได้ หากรัฐบาลยืนยันว่าจะต้องดำเนินการต่อก็จะมีการคัดค้านโดยจะเร่งศึกษากฎหมาย ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งรัฐบาลไม่ควรแอบทำหรือนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยไม่เปิดรับฟังความคิดเห็น หรือศึกษาผลกระทบก่อน ซึ่งไม่ใช่ของขวัญปีใหม่ที่คนไทยอยากได้แน่นอนและตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า การออกหวยออนไลน์ไม่มีการศึกษาผลกระทบตั้งแต่ต้น เมื่อมีปัญหาและถูกท้วงติงจากหลายๆ ฝ่าย ก็มีการแก้ปัญหาโดยการจะนำเงินส่วนหนึ่งไปตั้งกองทุนที่ไม่เคยมีการศึกษา เช่นกัน จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เป็นเรื่องน่าตลกและนำเด็กมาอ้างเท่านั้น ซึ่งอยากให้รัฐบาลมีความตระหนักถึงการแก้ปัญหาสังคมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่แค่ดำเนินมาตรการตามรัฐบาลชุดอื่น แต่ไม่ได้แก้ประเด็นที่เป็นปัญหาของสังคม ซึ่งเรื่องดังกล่าวรัฐบาลต้องคิดให้มากกว่านี้เพราะเป็นการนำเงินไปให้เด็ก เป็นคนละเรื่องกับการปล่อยให้มีหวยออนไลน์ เพราะรัฐบาลสามารถหาเงินจากวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้
“กองทุนที่เกี่ยวกับเด็กมีจำนวนมาก หากต้องการแก้ปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องนำเงินมาจากการขายหวย แต่หันไปพัฒนากองทุนที่มีอยู่แทนจะมีประโยชน์กว่า เช่น นำภาษีบาปส่วนหนึ่งมาเป็นเงินทุนสนับสนุนการทำงานด้านเด็ก รัฐบาลไม่ควรทำให้ผิดหวังและควรเลิกความคิดที่จะผลักดันนโยบายการขายหวยออนไลน์ได้แล้ว ซึ่งองค์กรด้านเด็กคงรับไม่ได้ที่ต้องเอาเงินจากการมอมเมาประชาชนมาใช้” นายวัลลภกล่าว